รพ.ศิริราช 20 พ.ค.-พ่อรับศพพลเมืองดี โดดเกาะท้ายรถแท็กซี่ ที่ชายคลั่งขโมยไป กระทั่งตกแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต เพื่อนต่างยืนยันเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น
ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ครอบครัวและเพื่อนสนิท ได้ติดต่อขอรับศพนายนพดล หรือวิว พนักงาน รับรถของร้านอาหารย่านพระราม 3 ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดด่าน ย่านพระราม 3 เป็นเวลา 3 วัน ก่อนทำพิธีฌาปนกิจ สำหรับนายนพดล หรือวิว เสียชีวิตจากการจมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังกระโดดเกาะท้ายแท็กซี่ที่มีชายคลั่ง ขโมยไปจากบริเวณหน้าร้านอาหาร ถนนพระราม 3 ซอย 60 ก่อนถูกสะบัดร่างกระแทกกับขอบสะพานพระราม 3 จน นายนพดล กระเด็นตกจากสะพานจมน้ำเสียชีวิต
นายณัฐภาส พิมดี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่าไม่เจอกับลูกชายมาเป็นเวลา 20 ปี โดยเมื่อลูกอายุประมาณ 18 ปี ได้พาลูกมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ฝากให้อยู่กับเพื่อนที่เปิดร้านอาหารย่านห้วยขวาง ลูกอยู่ได้ 3-4 เดือน ก็ย้ายออกไปโดยไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ก่อนที่ลูกจะย้ายออก เคยมาเยี่ยม แต่ก็ดูเหมือนจะพูดจาไม่เข้าใจกัน ส่วนตัวคิดว่าลูกอาจไม่พอใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกันเรื่องการทำงาน หาเงิน เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ประกอบกับมีครอบครัวใหม่ เลยขาดการติดต่อกันไป แต่ก็พยายามตามหาลูกมาตลอด มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า เคยเจอลูกแถวพระราม3 แต่มาบอกเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 5 ปี และมาทราบข่าวลูกอีกครั้งเมื่อน้องสาวที่อยู่ต่างจังหวัดโทรมาบอกว่า “วิว” เสียชีวิต อยากบอกลูกว่า ให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี อีกไม่นานพ่อก็คงตามลูกไป โดยนิสัยส่วนตัวของลูก ก็เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว
ด้านนายสิงห์โชค พูลผล เพื่อนรุ่นน้อง บอกว่า พี่วิว เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลา แม้จะเป็นคนที่ไม่รู้จัก ขอเงิน ก็ช่วยเหลือ เมื่อทราบข่าวมีชายคลั่งจี้แท็กซี่ ตอนเห็นข่าวไม่รู้ว่าเป็นพี่วิว มาทราบอีกทีก็ช่วงเช้ามืดแล้ว ก่อนหน้านี้เคยบอกแล้วให้ พี่วิว เลิกทำเพื่อคนอื่น และเมื่อเกิดเหตุ ไม่ได้หวังว่าพี่วิวจะรอดชีวิต เพราะหากไม่เป็นอะไร ต้องกลับมาที่ร้านแล้ว
ส่วนนายธนพัฒน์ ชัยศิริ หุ้นส่วนร้านอาหาร เปิดเผยว่า “วิว” ทำงานที่ร้านมากว่า 10 ปี เป็นเด็กดี ขยัน แต่ดื้อในเรื่องชอบช่วยเหลือคนอื่น ความสูญเสียครั้งนี้คงไม่สามารถหาใครแทน “วิว” ได้ ส่วนกรณีมีการช่วยเหลือในเหตุการณ์ล่าช้าหรือไม่นั้น ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะไม่ได้อยู่ในขณะเกิดเหตุ
สำหรับอาการของนายปาน กรวิรัตน์ ชายคลั่ง จากการสอบถาม พลตำรวจตรี บุณยรัสน์ พุกกะเวส นายแพทย์ (สบ7) โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า ล่าสุดนายปาน ได้ย้ายจากห้องไอซียู เข้าไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยในแล้ว ส่วนอาการทราบว่าโดยรวมร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นน่าเป็นห่วง แต่มีอาการหลอนจากสารเสพติด ที่มีการเสพเกินขนาดไปมาก จนทำให้ค่าเลือดผิดปกติ แพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนการดำเนินคดี เบื้องต้น ตร.สน.บางโพงพาง ได้อายัดตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว และแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการเมาแล้วขับ หรือสารเสพติด ต้องรอผลการตรวจเลือดจากโรงพยาบาลตำรวจ อีกครั้งซึ่งสามารถดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มได้ภายหลัง.-สำนักข่าวไทย