กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา ยอมรับคลิปชันสูตรศพ “แตงโม” เป็นคลิปขณะเปรียบเทียบแผลกับใบพัดเรือ ส่วนยาอัลปราโซแลม ไม่มีผลกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่หากใช้ปริมาณมาก ส่งผลให้ง่วงได้
พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ยอมรับคลิปวีดีโอที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำไปเผยแพร่ อ้างว่า เป็นภาพการนำศพของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม มาเปรียบเทียบกับใบพัดเรือ เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 ขณะที่ทีมแพทย์นิติเวช นำร่างของแตงโม จากห้องเย็นไปผ่าพิสูจน์ ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอให้มีการเปรียบเทียบร่องรอยบาดแผลของศพกับใบพัดเรือของกลางว่าเข้ากันได้หรือไม่ โดยใช้สถานที่ 1 ใน 3 ห้องผ่าศพ ที่อยู่ในบริเวณสถาบันนิติเวช ซึ่งห้องดังกล่าวเป็นห้องสำรองไว้สำหรับฉีดยา ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ และมีการดำเนินการในวันเวลาราชการ ซึ่งขณะผ่าชันสูตร มีการบันทึกทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ จากทีมชันสูตร 4 คน ประกอบด้วย แพทย์เจ้าของคดี 1 คน ผู้ช่วยแพทย์ 1 คน และ ช่างภาพ 2 คน ไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี
สำหรับขั้นตอน ตั้งแต่สถาบันนิติเวชฯ รับศพแตงโม วันที่ 26 กุมภาพันธ์ มีการแกะห่อศพ แล้วบันทึกภาพไปกว่า 200 ภาพ โดยพบว่า บนร่างของแตงโม มีบาดแผล 26 บาดแผล ก่อนนำไปผ่าชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พบว่ามีบาดแผลเพียง 22 บาดแผล ซึ่งคาดเคลื่อนดังกล่าว เป็นที่ยอมรับได้ในทางการแพทย์ เพราะระยะเวลาผ่าชันสูตรห่างกันถึง 19 วัน
ส่วนกรณีที่มีการนำคลิปไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้มีการปกปิด เพราะเป็นข้อมูลที่นำไปใช้ประกอบสำนวนคดี แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ออกจากสถาบันนิติเวชฯ โดยข้อมูลนี้จะส่งต่อให้เฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับผิดชอบสำนวนคดีเท่านั้น ส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ต้องดูที่เจตนา แต่ขณะนี้ยอมรับว่าเกิดความเสียหายกับองค์กร ซึ่งหากพบว่าเป็นการดิสเครดิสเจ้าหน้าที่ก็ต้องพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้ง แต่ยอมรับว่าเสียกำลังใจ เพราะทุกคนทำงานตามมาตรฐาน และไม่ได้ปกปิดข้อมูล โดยที่ผ่านมาองค์กรไม่มีความขัดแย้ง โดยมีแนวทางและเจตนาเดียวกันที่จะทำให้คดีคลี่คลาย
ส่วนกรณีพบสารอัลปราโซแลม หนึ่งในพยานเพศชาย ที่อยู่บนเรือกับแตงโม ยืนยันว่ายากลุ่มดังกล่าวมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยมีฤทธิ์คลายกังวล หรือคลายเครียด ใช้ในการรักษาโรคเครียด ลมชัก นอนไม่หลับ ไม่มีคุณสมบัติกระตุ้นทางเพศ แต่หากใช้ในปริมาณมาก อาจทำให้ผู้ใช้ง่วงนอน ส่วนที่เรียกว่า ยาเสียสาว เชื่อว่า เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด. -สำนักข่าวไทย