“อัจฉริยะ” เดินหน้าลุยร้องทุกข์ต่อ ปปป. 

กรุงเทพฯ 10 พ.ค.- ครบ 24 ชั่วโมง ที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้เวลา ผบ.ตร. แก้ไขปัญหาคดี “แตงโม” หลังออกมาแฉขบวนการจัดฉากการเสียชีวิตของ “แตงโม” เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ล่าสุด เดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ บก.ปปป. แล้ว 


นายอัจฉริยะ นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ผบก.ปปป. กล่าวโทษคณะแพทย์กับพวก กรณีมีการสร้างข้อความอันเป็นเท็จคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ และส่งให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีแตงโม จนนำไปสู่การแจ้งข้อหาและสรุปสำนวนส่งอัยการ

นายอัจฉริยะ ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าแผลข้างขวาด้านในซึ่งเป็นแผลทางยาว ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือแน่นอน ส่วนแผลเล็กแนวขวางไม่ติดใจ เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการที่แพทย์ระบุชัดเจนว่าเกิดจากใบพัดเรือ จึงเป็นการกระทำโดยมิชอบ


นอกจากนี้ นายอัจฉริยะยังได้เปิดแชทหลุดอีกชุด ที่เป็นบทสนทนาของบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “วรชาติ/ไอยรา4” สนทนากับบุคคลภายนอก ในลักษณะยอมรับว่าตำรวจได้ทดลองโยนหมูใส่ท้ายเรือ 10 ครั้ง มีเพียงครั้งเดียวที่โดนใบพัดเรือ ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าโอกาสน้อยมากที่ใบพัดเรือจะดูดร่างแตงโมเข้าไป โดยนายอัจฉริยะยังระบุอีกว่าคนที่ใช้ชื่อไอยรา 4 กล่าวกับบุคคลภายนอกในลักษณะอึดอัดใจ ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปว่าบาดแผลเกิดจากใบพัดเรือ และอึดอัดใจ เนื่องจากเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของพลตำรวจตรี ว. ซึ่งมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เพราะเป็นสายตรงของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะยังติดใจเรื่องการสรุปว่าแตงโมตกจากท้ายเรือ และการที่แตงโมจับขาแซน ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอื่น นอกจากคำให้การของคนบนเรือ เพราะเวลาเรือแล่นอยู่ น้ำจะท่วมกาบเรือ อยู่ตรงนั้นไม่ได้ พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาทำลายความเชื่อมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสถาบันนิติเวช เพียงต้องการหาความจริงคดีแตงโม

ส่วนประเด็นการตรวจพบยาเสียสาวในร่างกายของ 1 ในคนบนเรือนั้น ส่วนตัวไม่ได้ติดใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าบางคนเครียด ต้องรับประทานยาคลายเคลียดเพื่อให้นอนหลับ แต่ตนเองติดใจเรื่องที่พลตำรวจตรี ว. ไม่ยอมตรวจสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในร่างกายของแซนมากกว่า


ขณะที่ประเด็นที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตั้งคำถามว่าทำไมตนเองถึงไม่นำหลักฐานไปมอบให้นั้น ก็เพราะตำรวจภูธรภาค 1 ไม่น่าเชื่อถือ บางคนเคยทำคดีลัลลาเบล และศาลยกฟ้อง ขณะที่บางคนเคยให้พนักงานสอบสวนตัวปลอมมาทำสำนวนในโรงพักนานถึง 2 ปี จนถูกจับได้ ดังนั้นตนเองจึงไม่เชื่อมั่นในคณะทำงานชุดนี้ และที่กล่าวว่าตนเองเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนนั้น ก็เพราะหากตนเองเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ก็จะถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และนำความลับทางราชการมาเปิดเผย รวมถึงอยากฝากถามถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าเหตุใดจึงไม่กล้ามาแถลงข่าวคดีนี้ด้วยตนเองเหมือนคดีน้องชมพู่ ทั้งที่ก็เป็นคดีที่คนสนใจทั้งประเทศ

ขณะที่ฝั่งคุณแม่ของแตงโมเอง ก็ไม่ควรมาตำหนิคนที่ออกมาช่วยหาความจริงให้การเสียชีวิตของลูกสาว แต่ส่วนตัวไม่อยากพูดเยอะ เพราะแม่แตงโมก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว บอกได้เพียงว่าแม่ได้กุนซือไม่ดี หากได้กุนซือดีคงไม่เป็นเช่นนี้

ด้าน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ล่าสุด ได้รับหนังสือผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ  ตามที่มีการยื่นเรื่องขอผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี กรณีใช้ดุลพินิจโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเลือกปฏิบัติในการตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในร่างกายของประจักษ์พยานจำนวน 3 คน แต่ไม่ตรวจหาสารเสพติด ในร่างกายของประจักษ์พยานอีก 2 คนแล้ว 

ซึ่งผลสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2565 พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ประสานเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเก็บตัวอย่างเลือดจากพยานบุคคล (สถานะในเวลานั้น) ที่อยู่ในเรือลำเกิดเหตุ จำนวน 3 คน ในระหว่างเวลา 12.07 น. ถึงเวลา 13.30 น.

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2565 พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ได้ส่งตัวอย่างเลือดดังกล่าวไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อตรวจหรือทดสอบหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของทั้ง 3 คน ดังกล่าว ผลการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างเลือดโดยวิธี Gas Chromatography ตรวจไม่พบแอลกอฮอล์แต่อย่างใด

“แต่ผลการตรวจหาสารเสพติดของพยานบุคคลมี 1 ใน 3 คน ตรวจพบสารกลุ่ม เบนโซไดอาซีปีน (Benzodiazepine) ชนิด อัลปราโซแลม (Alprazolam) โดยจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท”

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2565 ตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ได้ประสานให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจร่างกาย สารเสพติด และเก็บชีววัตถุของพยานบุคคล (สถานะเวลานั้น) จำนวน 5 คน ที่อยู่ในเรือลำเกิดเหตุ โดยเก็บตัวอย่างปัสสาวะจากพยานบุคคล จำนวน 3 คน และปัสสาวะและเลือดจำนวน 1 คน  แต่พยานบุคคลที่อยู่ในเรือลำเกิดเหตุจำนวน 1 คน ไม่ได้เก็บตัวอย่างใด ๆ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ยินยอมให้เก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะ

เลขาธิการฯ ระบุ หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงจากตำรวจภูธรภาค 1 ครบถ้วนแล้ว จะเร่งรัดสรุปผลการวินิจฉัยโดยเร็ว

ทั้งนี้ สำหรับอัลปราโซแลม ปัจจุบันมีการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำไปผสมในสารเสพติดอื่นๆ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ มีอาการง่วงซึม มึนงง สะลึมสะลือ ไร้สติ ไม่รู้สึกตัว สูญเสียการทรงตัว และหลงลืมหรือสูญเสียความทรงจำ โดยจะจำเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้หลังจากที่รับประทานยาไปแล้ว ในอดีตมีการให้คำนิยามว่า “ยาเสียตัว” หรือ “ยาเสียสาว” ส่วนฤทธิ์ของยาจะคงอยู่ไม่เกิน 1 วัน

ส่วนในทางการแพทย์ ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาภาวะวิตกกังวล และการใช้ยานี้จะต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น สำหรับผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ ต้องโทษจําคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนผู้เสพ ต้องโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]