เหยื่อเป็นสิบ โผล่แฉหมอจอมถูขณะรักษา 

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – ประเด็นอื้อฉาวสนั่นโซเชียล หลังมีหญิงสาวคนหนึ่งกล่าวหาแพทย์เจ้าของคลินิกย่านรามคำแหง ลวนลามขณะทำการรักษา หลังจากนั้นปรากฏว่ามีผู้เสียหาย 8 คน ออกมาให้ข้อมูลว่าตกเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน


พนักงานขายเครื่องสำอางสาว อายุ 25 ปี เปิดใจกรณีโพสต์กล่าวหานายแพทย์อายุ 40-50 ปี เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ก่อเหตุลวมลามขณะฉีดยารักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม จากนั้นได้เผยแพร่เรื่องราวผ่านโซเชียลฯ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ผู้เสียหายรายนี้ป่วยเป็นโรคต่อมทอนซิลอักเสบอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งจะไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่วันเกิดเหตุเจ็บคอมาก และที่โรงพยาบาลไม่มีแพทย์เข้าเวร จึงตัดสินใจไปรักษาที่คลินิก ซึ่งเคยไปใช้บริการแต่ไม่เคยรักษากับแพทย์คนดังกล่าว


ผู้เสียหายบอกว่า เดินทางไปพร้อมกับครอบครัวและถึงคลินิกเวลา 18.40 น. จากนั้นแพทย์ได้ซักถามอาการ  และตนเองได้ขอให้ฉีดยาเพื่อหายไวขึ้น แพทย์จึงให้ไปนอนรอบนเตียง พร้อมบอกให้หันหลัง ตะแคงข้าง และให้ถอดกางเกง โดยบอกว่าจะฉีดยาบริเวณสะโพก ขณะนั้นรู้สึกแปลกใจเพราะที่ผ่านมาเคยฉีดยาที่บริเวณข้อพับแขน  นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติอีกหลายอย่าง ทั้งการให้ถอดกางเกงลงเพื่อฉีดยา รวมถึงให้ขยับจุดที่นอนตะแคงจากบริเวณกลางเตียงไปที่บริเวณขอบเตียง 

หลังจากที่ผู้เสียหายให้แพทย์ฉีดยา รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเป้ากางเกงของแพทย์มาแนบที่บั้นท้าย แต่ขณะนั้นได้แต่นอนแข็งทื่อ กระทั่งแพทย์คนดังกล่าวฉีดยาเสร็จ ยังได้นวดเท้าเพื่อดูอาการแพ้จากมดกัด ทั้งที่ยังไม่ได้ใส่กางเกง อีกทั้งยังหาเรื่องนวดต่อไปอีก 5-7 นาที ก่อนกลับไปนั่งที่โต๊ะ และจ่ายยาตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผู้เสียหาย บอกว่า หลังจากรักษาเสร็จได้แจ้งพ่อแม่ทันที แต่ยอมรับว่าขณะนั้นไม่กล้าโวยวาย เพราะหลักฐานมีเพียงคลิปซึ่งถ่ายเก็บไว้ตอนฉีดยาช่วงแรก เนื่องจากตั้งใจจะส่งให้เพื่อนดูว่ามาฉีดยา แต่หลังจากได้โพสต์เรื่องราวลงโซเชียลมีเดีย มีผู้เสียหายอีก 8 คนติดต่อมาว่าเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน บางคนเคยถูกลวนลามขณะนวดกายภาพ บางคนเคยถูกลวนลามขณะเรียนมัธยมปลาย ส่วนรายที่หนักสุดให้ข้อมูลว่า ถูกเป้ากางเกงสัมผัสตามตัวและขึ้นมาใกล้ใบหน้า


อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียหายยังอยู่ระหว่างหารือว่าจะเอาผิดกับแพทย์รายนี้ได้หรือไม่ แต่ทุกคนต่างสนับสนุนให้แจ้งความและพร้อมเป็นพยานให้ ซึ่งผู้เสียหายกำลังตัดสินใจว่าจะแจ้งความและร้องแพทยสภา เพราะต้องการให้ยุติอาชีพแพทย์

ผู้เสียหายอีกคน อายุ 32 ปี กล่าวทางโทรศัพท์ว่าเคยไปรักษาอาการปวดขากับแพทย์คนดังกล่าว และแพทย์รายนี้ให้ตัวเองนอนหงายชิดขอบเตียงและดัดขาขวาขึ้นมา ทำให้กระโปรงเปิด และแพทย์ได้ทำการรักษาด้วยท่าทางที่ล่อแหลมนานกว่า 5 นาที ก่อนทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานมากพอที่จะแจ้งจับแพทย์รายนี้ดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปคลินิกที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง พยาบาลแจ้งว่าแพทย์คนดังกล่าวไม่อยู่ แต่ยืนยันว่าแพทย์คนดังกล่าวเป็นเจ้าของคลินิกเปิดมานานกว่า 30 ปี และที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องเสียหาย พร้อมแจ้งว่าแพทย์คนดังกล่าวจะเดินทางมาให้รายละเอียดด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทย ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เพื่อรอสอบถามความชัดเจนจากแพทย์คนดังกล่าว แต่ได้คำตอบจากพยาบาลว่าหลังจากที่โทรไปบอกเล่าเหตุการณ์ ปรากฏว่าแพทย์คนดังกล่าวตกใจมาก จึงขอตั้งสติก่อน

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามร้านค้าที่อยู่ละแวกใกล้เคียงได้ข้อมูลว่า แพทย์คนนี้จะเข้าคลินิกวันจันทร์ – วันศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะกลับบ้านที่ชลบุรี แต่เท่าที่รู้จักพบว่าเป็นคนธรรมะธัมโม อีกทั้งภรรยาดุมากด้วย รวมถึงแพทย์รายนี้อายุเกือบ 60 ปีแล้วจึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลของนายแพทย์รายนี้ พบว่าจบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนในกรุงเทพฯ  จบปริญญาตรี 2 ใบ จากมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทย ก่อนจะเปิดคลินิกเวชกรรมส่วนตัวตั้งแต่ปี 2536 ส่วนงานอดิเรกพบว่ามีการไปนั่งกรรมฐานวิปัสสนาที่สำนักสงฆ์ รวมถึงสนใจพระเครื่อง เหรียญโบราณ และของสะสมโบราณ รวมถึงเป็นเจ้าของเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ด้านพระเครื่อง

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ที่แพทย์เป็นผู้จัดทำ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่าปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงรับ และปฏิเสธว่าไม่ใช่เบอร์นายแพทย์คนดังกล่าว ก่อนตัดสายไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]