5 พ.ค. – พนักงานสอบสวนคุมตัวหนุ่มเมายาบุกสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งศาลฝากขังผัดแรก ผู้ต้องหายอมรับผิดทุกอย่าง พลาดที่หันไปเสพยาจนทำให้หมดอนาคต หากย้อนกลับไปได้คงไม่ทำแบบนี้
เหตุการณ์ที่นายวัชระ คำบุตร ขี่รถจักรยานยนต์แล้วชักปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนขับฝ่าประตูรักษาความปลอดภัยเข้าไปในพื้นที่ห้วงห้ามสูงสุดภายในสนามบิน และใช้ขวานไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บหลายราย จนกระทั่งสามารถตามจับตัวได้
ล่าสุดวันนี้ ร.ต.อ.ไพศาล วีระกิจพานิช รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า เจ้าของคดี ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม และรวบรวมสำนวนคดี เพื่อนำตัวส่งอัยการฟ้องผัดแรกในวันนี้ พนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ความเสียหายเบื้องต้นที่ทางสนามบินสุวรรณภูมิประเมินไว้ รวมประมาณ 1 แสนบาท เป็นประตูกระจกนิรภัยทางเข้าเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสาร ที่ผู้ต้องหาใช้ขวานทุบจนแตกเสียหาย 2 บาน
ส่วนข้อหาที่แจ้งต่อนายวัชระ ประกอบด้วย ใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใด กระทำการหรือทำให้เสียหายอย่างร้ายแรงต่ออากาศยานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของอากาศยาน, ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันควรเข้าไปในสำนักงานในความครอบครองครองผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจในการขู่เข็ญ, ทำให้เสียทรัพย์, พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 แมทเอมเฟตามีน ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
และวันนี้ทางพนักงานสอบสวนยังสั่งปรับเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และใช้รถที่มิได้ทำ พ.ร.บ. มาใช้งาน รวม 7 คดี โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้คุมตัวส่งศาลฝากขังผัดแรก
ขณะที่นายวัชระ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนนอนหลับสบายดี เพราะกินยาแก้ปวด เพื่อให้นอนหลับ เพราะไม่อยากคิดอะไรอีก ยอมรับผิดทุกอย่าง หากย้อนกลับไปได้คงไม่ทำแบบนี้ ที่ผ่านมาหลังจากต้องโทษในเรือนจำในคดีที่เพื่อนยัดยาเสพติด ให้จนต้องติดคุกถึง 9 ปี จนพ้นโทษเมื่อต้นปี 2564 พอออกมาก็เลิกเสพ และหาสมัครงานจนกระทั่งได้ทำงานก็ไม่ได้เสพยามานาน คืนวันก่อนเกิดเหตุเพื่อนมาหาที่ห้อง ชวนกันดื่มสุรา จนกระทั่งเมา ตนเองเห็นยาบ้าที่เพื่อนซื้อมาพร้อมกับยากล่อมประสาท ด้วยความอยากลองจึงเสพยาบ้าไปทั้งหมด 8 เม็ด และยากล่อมประสาทสี่คูณร้อย ไม่นานก็ได้ยินเสียงก้องในหูว่าให้ไปอย่างเดียว บวกกับตนเองมีความคิดอยากกลับบ้าน จึงออกจากห้องพักขี่รถจักรยานยนต์ออกมาตามถนนบางนาตราด จนไปวนแถวบางนา วนไปมาจนน้ำมันหมด จึงขอเบิกเงินกับเถ้าแก่เพื่อเติมน้ำมัน หวังขับไปตามทางเรื่อยเปื่อย แต่ในหูก็ยังมีเสียงก้องมีคนบอกตลอดเวลาให้ไปๆ ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปลงหมอชิตแล้วนั่งรถทัวร์กลับบ้าน แต่คนในหู บอกว่าอย่านั่งแท็กซี่ เพราะสายเขาทั้งนั้น เดี๋ยวจะถูกจับ ให้ไปขึ้นเครื่องบินอย่างเดียว ตนจึงเลี้ยวเข้ามาในสนามบินเพื่อจะหาทางขึ้นเครื่องบินกลับบ้านต่างจังหวัด พอเลี้ยวเข้าสนามบินเห็นว่ามีเครื่องบินจอดเยอะ เลยเลี้ยวรถเข้ามาประตูดังกล่าวเพื่อหวังขึ้นเครื่อง จนเกิดเรื่อง จากเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกพลาดที่หันไปทดลองยาเสพติดจนทำให้หมดอนาคต. – สำนักข่าวไทย