“แอนนา” เข้าตรวจ DNA พร้อมให้ปากคำเพิ่มคดีปริญญ์

สน.ลุมพินี 29 เม.ย.-“แอนนา” ภรรยาไฮโซลูกนัท และผู้เสียหายอีก 2 ราย คดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศ เข้าตรวจ DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน พร้อมให้ปากคำเพิ่มเติม


ความคืบหน้าคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง “ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ” วันนี้มีผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายรายที่เป็นเจ้าของคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านี้ และอีกรายคือผู้เสียหายรายที่ถูกข่มขืนปี 2557 และแอนนา ภรรยาของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นผู้เสียหายที่ถูกนายปริญญ์ ล่วงละเมิดทางเพศ

ขณะที่หนึ่งในผู้เสียหาย อายุ 26 ปี เจ้าของธุรกิจ เจ้าของคลิปเสียง เปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจเชิญมาเพื่อเก็บดีเอ็นเอ และจะนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานที่ในที่เดิดเหตุ และสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งตนเองได้นำหลักฐานเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมด้วย เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ตนเองมีการคุยโทรศัพท์กับผู้ต้องหาจริงๆ


แม้ว่าตนเองจะมาให้การในฐานะพยาน ไม่ประสงค์จะดำเนินคดี แต่ตำรวจยืนยันว่าเป็นคดีอาญา และมีความเห็นที่จะดำเนินคดีนั้น ตนมองว่า ตนเองไม่ได้ยึดติด เพราะตอนประสงค์ที่จะออกมาเป็นพยาน แต่ก็ได้ปรึกษาทนายความไว้แล้วว่า หากมีเหตุการณ์อะไรที่เราจะต้องร้องทุกข์เอง ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจ หากติดต่อเพื่อขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งหากกระบวนการขึ้นสู่ชั้นศาลแล้ว ก็ยืนยันว่ายังคงจะยืนยันในคำให้การเดิม เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว เป็นอย่างอื่นไม่ได้ และส่วนตัวไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือต้องการไกล่เกลี่ยอะไรมาตั้งแต่แรก เพราะต้องการออกมาเป็นพยานในคดีนี้ และยังไม่มีคนติดต่อมาเจรจาเพื่อขอให้ยอมความ รวมถึงทางผู้ต้องหาด้วย ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาตนเองอีกเช่นกัน และยังไม่มีการถูกข่มขู่คุกคาม ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

พร้อมยอมรับว่า ส่วนตัวมีความกังวลใจอยู่บ้าง เพราะไม่ทราบว่าคดีจะจบเมื่อไร ซึ่งกังวลว่าจะมีผลในระยะยาว แต่ก็เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง ผู้เสียหายยังย้ำถึงพฤติการณ์ที่อดีตรองหัวหน้าพรรคได้กระทำกับตนเองด้วยว่า ไม่ต่างกับเหยื่อรายที่ออกมาก่อนหน้านี้ คือ มีการพูดคุยอ้างว่าติดต่องาน และชวนไปออฟฟิศเหมือนกับรายอื่นๆ แล้วมีการลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งที่พยายามขัดขืนแล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็เสียใจ แต่เมื่อเป็นข่าวก็ตกใจยิ่งกว่าเพราะนึกว่าโดนคนเดียว

ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้เหยื่อทุกคน และผู้หญิงทุกคน และตอนนี้ก็มีเพจผู้หญิงเราทำได้ ที่จะคอยดูแลสภาพจิตใจของเหยื่อ ซึ่งหากใครเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้แล้วไม่กล้าพูดคุยบอกใคร ก็สามารถมาแจ้งได้ที่เพจผู้หญิงเราทำได้


ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน แอนนา ภรรยาไฮโซลูกนัท เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม และตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำไปเทียบกับหลักฐานที่ตำรวจเก็บมาจากสถานที่เกิดเหตุ เข้าใจว่าตำรวจได้ทำตามกระบวนการแล้ว ส่วนกระแสของคดีที่เงียบไปนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด ขณะนี้ตนกำลังทำโครงการที่จะสื่อว่าการกระทำลักษณะเกียวกับนายปริญญ์ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น และผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องอาย นับตั้งแต่เปิดเผยเรื่องราว ตนก็ไม่เคยรู้สึกอับอาย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ ตนรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การออกมาพูดและเปิดเผยว่า เป็นผู้เสียหายนั้นดีมากๆ ซึ่งการลบเหตุการณ์เช่นนี้ออกจากชีวิตของผู้เสียหายแต่ละคนก็มีวิธีแตกต่างกัน ตนก็ขอเป็นกำลังใจ ส่วนกระบวนการยุติธรรม ก็อยากเป็นตัวแทนในการสู้เพื่อผู้เสียหาย จากนี้จะเดินหน้ารณรงค์เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อยากเปลี่ยนสังคมให้รู้ว่าคนที่อายต้องเป็นนายปริญญ์ ตอนที่ตนเปิดเผยตัวตนไม่ได้ต้องการแค่เพื่อให้ชนะคดี แต่ต้องการเปลี่ยนสังคม เพราะตนคิดว่าเรื่องลักษณะนี้ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในองค์กรที่แตะต้องไม่ได้ ตนจึงต้องการเปลี่ยนสังคมให้มองว่าการล่วงละเมิดท่งเพศ และการคุกคามเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ขณะที่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท กล่าวว่า ขณะนี้ภรรยาสภาพจิตใจดีกว่าตนเอง เหตุผลที่ภรรยาเลือกเปิดเผยตัวตนนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อผู้อื่น เพื่อให้ผู้เสียหายรายอื่นสามารถสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างสบายใจ และตนพร้อมจะสนับสนุน ไม่ต้องการแค่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองหรือเอาชนะคดี แต่ตั้งใจว่าจะไม่หยุดจนกว่าสังคมจะมีท่าทีต้อการล่วงละเมิดทางเพศเปลี่ยนไป โครงการเหล้านี้พวกตนตั้งใจจะให้ออกห่างจากการเมือง โดยการเลือกตั้งรอบหน้านั้น พวกตนอาจจะไม่ลงสมัคร แต่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวก่อน อยากให้ติดตามประเด็นการล่วงละเมิดทางทางเพศทุกกรณี ถึงเวลาที่ผู้เสียหายต้องไม่เป็นเหยื่อของสังคมและรู้สึกอับอาย

ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจทยอยเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่คณะพนักงานสอบสวนมอบหมายให้ไปดำเนินการ อย่างผู้เสียหาย 3 รายนี้ ก็เป็นการเชิญมาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น และเก็บตัวอย่าง DNA ซึ่งในคดีกระทำอนาจารฯ จะเป็นการเก็บเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยานต่างๆ ซึ่งอาจจะทราบผลได้เร็วกว่า แต่ในส่วนคดีข่มขืนกระทำชำเรานั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะในการส่งตรวจหาผลทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ยืนยันว่าทุกกระบวนการจะเสร็จสิ้นทันกำหนดผัดฝากขังไม่เกินผัดที่ 7 แน่นอน

ส่วนคดีที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ตอนเกิดเหตุมีอายุแค่ 17 ปี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนนัดหมายให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 พฤษภาคมเวลา 09.00 น. ซึ่งในวันดังกล่าว ตนเองจะไปดูการเข้ามอบตัวด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย