“แอนนา” เข้าตรวจ DNA พร้อมให้ปากคำเพิ่มคดีปริญญ์

สน.ลุมพินี 29 เม.ย.-“แอนนา” ภรรยาไฮโซลูกนัท และผู้เสียหายอีก 2 ราย คดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศ เข้าตรวจ DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน พร้อมให้ปากคำเพิ่มเติม


ความคืบหน้าคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง “ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ” วันนี้มีผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายรายที่เป็นเจ้าของคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านี้ และอีกรายคือผู้เสียหายรายที่ถูกข่มขืนปี 2557 และแอนนา ภรรยาของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นผู้เสียหายที่ถูกนายปริญญ์ ล่วงละเมิดทางเพศ

ขณะที่หนึ่งในผู้เสียหาย อายุ 26 ปี เจ้าของธุรกิจ เจ้าของคลิปเสียง เปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจเชิญมาเพื่อเก็บดีเอ็นเอ และจะนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานที่ในที่เดิดเหตุ และสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งตนเองได้นำหลักฐานเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมด้วย เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ตนเองมีการคุยโทรศัพท์กับผู้ต้องหาจริงๆ


แม้ว่าตนเองจะมาให้การในฐานะพยาน ไม่ประสงค์จะดำเนินคดี แต่ตำรวจยืนยันว่าเป็นคดีอาญา และมีความเห็นที่จะดำเนินคดีนั้น ตนมองว่า ตนเองไม่ได้ยึดติด เพราะตอนประสงค์ที่จะออกมาเป็นพยาน แต่ก็ได้ปรึกษาทนายความไว้แล้วว่า หากมีเหตุการณ์อะไรที่เราจะต้องร้องทุกข์เอง ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจ หากติดต่อเพื่อขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งหากกระบวนการขึ้นสู่ชั้นศาลแล้ว ก็ยืนยันว่ายังคงจะยืนยันในคำให้การเดิม เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว เป็นอย่างอื่นไม่ได้ และส่วนตัวไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือต้องการไกล่เกลี่ยอะไรมาตั้งแต่แรก เพราะต้องการออกมาเป็นพยานในคดีนี้ และยังไม่มีคนติดต่อมาเจรจาเพื่อขอให้ยอมความ รวมถึงทางผู้ต้องหาด้วย ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาตนเองอีกเช่นกัน และยังไม่มีการถูกข่มขู่คุกคาม ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

พร้อมยอมรับว่า ส่วนตัวมีความกังวลใจอยู่บ้าง เพราะไม่ทราบว่าคดีจะจบเมื่อไร ซึ่งกังวลว่าจะมีผลในระยะยาว แต่ก็เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง ผู้เสียหายยังย้ำถึงพฤติการณ์ที่อดีตรองหัวหน้าพรรคได้กระทำกับตนเองด้วยว่า ไม่ต่างกับเหยื่อรายที่ออกมาก่อนหน้านี้ คือ มีการพูดคุยอ้างว่าติดต่องาน และชวนไปออฟฟิศเหมือนกับรายอื่นๆ แล้วมีการลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งที่พยายามขัดขืนแล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็เสียใจ แต่เมื่อเป็นข่าวก็ตกใจยิ่งกว่าเพราะนึกว่าโดนคนเดียว

ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้เหยื่อทุกคน และผู้หญิงทุกคน และตอนนี้ก็มีเพจผู้หญิงเราทำได้ ที่จะคอยดูแลสภาพจิตใจของเหยื่อ ซึ่งหากใครเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้แล้วไม่กล้าพูดคุยบอกใคร ก็สามารถมาแจ้งได้ที่เพจผู้หญิงเราทำได้


ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน แอนนา ภรรยาไฮโซลูกนัท เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม และตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำไปเทียบกับหลักฐานที่ตำรวจเก็บมาจากสถานที่เกิดเหตุ เข้าใจว่าตำรวจได้ทำตามกระบวนการแล้ว ส่วนกระแสของคดีที่เงียบไปนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด ขณะนี้ตนกำลังทำโครงการที่จะสื่อว่าการกระทำลักษณะเกียวกับนายปริญญ์ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น และผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องอาย นับตั้งแต่เปิดเผยเรื่องราว ตนก็ไม่เคยรู้สึกอับอาย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ ตนรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การออกมาพูดและเปิดเผยว่า เป็นผู้เสียหายนั้นดีมากๆ ซึ่งการลบเหตุการณ์เช่นนี้ออกจากชีวิตของผู้เสียหายแต่ละคนก็มีวิธีแตกต่างกัน ตนก็ขอเป็นกำลังใจ ส่วนกระบวนการยุติธรรม ก็อยากเป็นตัวแทนในการสู้เพื่อผู้เสียหาย จากนี้จะเดินหน้ารณรงค์เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อยากเปลี่ยนสังคมให้รู้ว่าคนที่อายต้องเป็นนายปริญญ์ ตอนที่ตนเปิดเผยตัวตนไม่ได้ต้องการแค่เพื่อให้ชนะคดี แต่ต้องการเปลี่ยนสังคม เพราะตนคิดว่าเรื่องลักษณะนี้ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในองค์กรที่แตะต้องไม่ได้ ตนจึงต้องการเปลี่ยนสังคมให้มองว่าการล่วงละเมิดท่งเพศ และการคุกคามเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ขณะที่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท กล่าวว่า ขณะนี้ภรรยาสภาพจิตใจดีกว่าตนเอง เหตุผลที่ภรรยาเลือกเปิดเผยตัวตนนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อผู้อื่น เพื่อให้ผู้เสียหายรายอื่นสามารถสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างสบายใจ และตนพร้อมจะสนับสนุน ไม่ต้องการแค่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองหรือเอาชนะคดี แต่ตั้งใจว่าจะไม่หยุดจนกว่าสังคมจะมีท่าทีต้อการล่วงละเมิดทางเพศเปลี่ยนไป โครงการเหล้านี้พวกตนตั้งใจจะให้ออกห่างจากการเมือง โดยการเลือกตั้งรอบหน้านั้น พวกตนอาจจะไม่ลงสมัคร แต่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวก่อน อยากให้ติดตามประเด็นการล่วงละเมิดทางทางเพศทุกกรณี ถึงเวลาที่ผู้เสียหายต้องไม่เป็นเหยื่อของสังคมและรู้สึกอับอาย

ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจทยอยเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่คณะพนักงานสอบสวนมอบหมายให้ไปดำเนินการ อย่างผู้เสียหาย 3 รายนี้ ก็เป็นการเชิญมาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น และเก็บตัวอย่าง DNA ซึ่งในคดีกระทำอนาจารฯ จะเป็นการเก็บเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยานต่างๆ ซึ่งอาจจะทราบผลได้เร็วกว่า แต่ในส่วนคดีข่มขืนกระทำชำเรานั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะในการส่งตรวจหาผลทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ยืนยันว่าทุกกระบวนการจะเสร็จสิ้นทันกำหนดผัดฝากขังไม่เกินผัดที่ 7 แน่นอน

ส่วนคดีที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ตอนเกิดเหตุมีอายุแค่ 17 ปี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนนัดหมายให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 พฤษภาคมเวลา 09.00 น. ซึ่งในวันดังกล่าว ตนเองจะไปดูการเข้ามอบตัวด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย