ผบ.ตร.สั่งเร่งล่า 31 ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา

กรุงเทพฯ 27 เม.ย.-ผบ.ตร.สั่งเร่งล่า 31 ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาที่เหลือ มาดำเนินคดี ยืนยันไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ออกหมายจับไว้ 155 หมาย เสียชีวิตไป 2 ราย ฟ้องไป 116 ราย ส่วนใหญ่ศาลสั่งลงโทษ บางรายถูกตัดสินจำคุกกว่า 1,600 ปี เชื่อหากมีการช่วยเหลือกัน ผลไม่ออกมาเป็นแบบนี้


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ว่าคดีค้ามนุษย์เกิดเหตุตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ที่ พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นจำเลย ศาลตัดสินไปแล้ว และ พล.ท.มนัส เสียชีวิตในเรือนจำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเรื่องนี้มาหลายครั้งตั้งแต่มีข่าวปลายปีที่แล้ว ผมขอเรียนอีกครั้งว่าขอให้ดูภาพรวมการดำเนินคดีว่ามีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีและฟ้องศาลไป 116 ราย จะเห็นว่าไม่มีใครที่หลุดรอดไปจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ คดีนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สำนักงานอัยการสูงสุดโดยหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน และตำรวจเป็นผู้ร่วมภายใต้คำสั่งของพนักงานอัยการ เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงอยากให้ดูว่าไม่มีใครหลุดรอดไปจากการดำเนินคดี ส่วนที่ 2 คือ มีบางส่วนที่ยังไม่ถูกจับกุมมา เท่าที่ตรวจสอบออกหมายจับไว้ 155 หมาย เสียชีวิตไป 2 ราย เหลือ 153 หมาย ถึงวันนี้จับไปแล้ว คงเหลือ 31 หมาย ก็เร่งรัดอยู่ ใครที่หลบหนีพยายามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้หมด บางรายที่ฟ้องไป 116 ราย ส่วนใหญ่ศาลสั่งลงโทษ บางรายถูกตัดสินจำคุกกว่า 1,600 ปี

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบบุคคลที่มีชื่อเสียง (Big Name) ทั้งหลายก็ไม่มีแล้ว ก็โดนทุกคน ถ้ามีอะไรที่มากไปกว่านี้ก็ยินดี แต่ตรวจสอบไปหลายรอบแล้ว จึงอยากให้ทำความเข้าใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เพราะช่วงนี้โดยส่วนตัวเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศ เพราะเป็นช่วงที่มีการทำเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (Trafficking in Persons Report: TIP Report) ไม่ทราบว่าจะมีผลกระทบกระเทือนแค่ไหน จึงอยากให้ช่วยเสนอในแง่มุมทางนี้ด้วย เพราะการที่กล่าวหากันไปกันมาเป็นเรื่องระหว่างบุคคลกับบุคคล ท่านสามารถใช้สิทธิได้ แต่เราเป็นเจ้าหน้าที่ก็ดูในภาพรวมว่ามีใครไหมที่หลุดรอดไปจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่มี ผมชี้แจงไปหลายครั้งแล้วก็น่าจะพอเพียง


หลังจากนั้น ผบ.ตร.เดินมาพูดคุยกับสื่อมวลชน ซึ่งมีแนวคิดจัดสัมมนาระหว่างสื่อมวลชน ผู้ทำคอนเทนต์เผยแพร่ทางแพลตฟอร์มต่างๆ และประชาชนที่สนใจ มาดูวิธีการทำงานในการรวบรวมพยานหลักฐานทำกันอย่างไร จากนั้นสื่อมวลชนสอบถามถึงกรณีที่มีบุคคลทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า นโยบายต้องพิจารณาว่าถ้าคนทำให้เกิดความเสียหายในรูปคดีหรือไม่ ทีมสอบสวนจะต้องพิจารณาว่าประเด็นดังกล่าวจำเป็นจะต้องไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หากเป็นการทำลายหลักฐานประจักษ์พยาน หรือทำให้พนักงานสอบสวนเสียหายก็ต้องว่ากัน ตามหลักการเป็นแบบนั้น ส่วนรายละเอียดก็ต้องพิจารณาว่าใครเข้าเงื่อนไขนี้บ้าง ส่วนการวิพากษ์โดยบริสุทธิ์ใจเป็นสิทธิสามารถทำได้

ถามต่อว่ามีบางส่วนที่ยังไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นการเรียนรู้ของสังคม เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าคนส่วนหนึ่งไม่เชื่ออาจเป็นเพราะเราทำตัวไม่น่าเชื่อถือหรืออะไรก็ตาม แต่เราต้องหาวิธีแก้ ผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่ได้แสดงให้เห็นว่าระบบที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร เราอยู่กับระบบยุติธรรม และเราไม่เชื่อในระบบที่เรามี ประเทศก็เดินไม่ได้ ส่วนจะผิดจะถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะต้องพิจารณาก่อนว่าระบบเป็นอย่างไร

ถามต่อว่าเป็นการดิสเครดิตตำรวจและรัฐบาลหรือไม่ เพราะอยู่ในช่วงการจัดอันดับการค้ามนุษย์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดิสเครดิตอาจเป็นเจตนาพิเศษ แต่ไม่อยากไปตรงนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา ก็จะมีคนหยิบประเด็นไป อาจเป็นประโยชน์ทางตรง หรือทางอ้อม เป็นธรรมชาติของสังคมเป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องดูภาพรวมก่อน เขาเชื่อถือตำรวจแค่ไหน หากชาวบ้านไม่เชื่อถือ เราทำงานไม่ได้ ซึ่งจะต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกัน ส่วนคดีแตงโมเมื่อวานนี้ ทางพนักงานสอบสวนก็ชี้แจงไปเท่าที่เขาชี้แจงได้ เขาพยามหยิบอันนู้นอันนี้มา แต่คนก็ไม่เชื่ออยู่ดี คนถ้าไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ แต่ผมยังเชื่อว่ามีคนที่เชื่อ จริงๆ แล้วเราพยายามทำตามกติกาตามหลักการ หากมีโอกาสจะแสดงให้เห็นว่าระบบของการสืบสวนสอบสวนทำอย่างไร พยายามจะเปิดการอบรมสัมมนา


ถามต่อว่าคดีโรฮีนจามีการนำเสนอของสื่อต่างประเทศด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องทำการอธิบายประชาสัมพันธ์ไป ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ทำไปแล้ว เช่นเดียวกันกับกระทรวงกลาโหมก็ชี้แจงไปแล้ว แต่ผมอยากให้ดูระยะยาว เพราะสุดท้ายแล้วคนก็ถูกดำเนินคดีไปเกือบทั้งหมดแล้ว มีบางรายที่ศาลไม่ลงโทษด้วยเหตุผลของกฎหมาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่ตั้งใจทำ ไม่ใช่อย่างนั้น ส่วนเรื่องการเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีเหตุผลหนุนหลังพิเศษ สมมติเป็นเรื่องการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถามต่อว่าหากเป็นเหตุผลทางการเมือง กล่าวโทษลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน จะดำเนินคดีอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า จะต้องไปพิจารณาว่าเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ เพราะการกระทำบางทีแบบนี้ก็ก้ำกึ่ง แต่ขอให้เป็นวิจารณญาณของประชาชน

ถามอีกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ติดต่อพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ บ้างหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่มี ในชั้นต้นได้สำรวจตรวจสอบแล้วว่ามีอะไรที่ควรทำแล้วยังไม่ได้ทำมีไหม มีใครที่ยังรอดจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนบ้างไหม เพราะเห็นท่านบอกว่ายังมีอีกที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เราก็พยายามหาอยู่ ก็ยังไม่เจอ

ถามอีกว่ามีการพูดชื่อพาดพิงไปถึงนายกฯ รองนายกฯ และ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นสิ่งที่ท่านพูด และเป็นการคุยกันระหว่างตัวบุคคล ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างที่ว่าจริง มีการช่วยเหลือกันจริง ผลก็ต้องไม่ออกมาแบบนี้ และ พล.ท.มนัส ก็เสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำ หากมีการช่วยกันจริงมันไม่ใช่แบบนี้ อีกอย่างหนึ่งหากมีการช่วยกันจริง ตนถามว่าจะช่วยได้หรือ คนคนเดียวทำได้หรือไม่ คดีนี้พนักงานสอบสวนมีเป็นร้อยคน คนหนึ่งจะสามารถไปสั่งทั้งขบวนการ สมมติหากช่วยกัน คุณไปสั่งอย่างโน้นอย่างนี้สั่งได้หรือไม่ และตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบหลักหรือไม่ ก็ไม่ใช่ เอาตรรกะมาคุยกันดีกว่า เป็นการอ้างอิงการพูดคุยของคน 2 คนไม่ได้ ผมจึงอยากให้ดูผลลัพธ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย