ตร.เเถลงสรุปสำนวนคดี “เเตงโม” เกิดจากความประมาทของบุคคลอื่น

กรุงเทพฯ 26 เม.ย.- ตำรวจเเถลงสรุปสำนวนคดี “เเตงโม” สั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหา พร้อมเปิดคลิปนาทีตกเรือ ย้ำเกิดจากความประมาทของบุคคลอื่น ทำให้ “เเตงโม” เสียชีวิต ไม่ใช่การฆาตกรรม โดยตกจากท้ายเรือ บาดแผลเข้ากันได้กับใบพัดเรือ ส่วนปัสสาวะท้ายเรือหรือไม่ ไม่สามารถบอกได้


วันนี้ (26 เม.ย.65) ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมคณะ เเถลงสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “เเตงโม นิดา” นักเเสดงสาว

คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยมีการสอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ของกลาง คลิป DNA และอื่นๆ ประกอบด้วย พยานบุคคล รวม 124 ปาก ดังนี้ พยานที่ติดต่อผู้ที่อยู่บนเรือจำนวน 26 ปาก, พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จำนวน 62 ปาก, พยานผู้เชี่ยวชาญจำนวน 16 ปาก, พยานเจ้าหน้าที่จำนวน 20 ปาก เอกสารพยานวัตถุ รวมทั้งสิ้น 335 รายการ ดังนี้ พยานเอกสาร (ผลการตรวจต่างๆ) จำนวน 47 ฉบับ, พยานวัตถุ จำนวน 88 ชิ้น, ไฟล์คลิปวิดีโอจำนวน 200 ไฟล์ และเอกสารจำนวน 2,249 แผ่น


ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 ราย
1.ปอ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน, ไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและอักษรภาษาอังกฤษที่หัวเรือ, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว

2.โรเบิร์ต ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ

3.แซน ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย


4.จ๊อบ ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ

5.กระติก ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน

6.เอ็ม กุนซือ ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น / เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่

โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกราย

ด้านตำรวจฝ่ายสืบสวนเปิดคลิปบางส่วนเพื่อให้คลายข้อสงสัย ทั้งหมด 25 นาที แบ่งเป็น 4 ส่วน
1.พฤติการณ์การเกิดเหตุ
2.ไทม์ไลน์
3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
4.สภาพบาดแผล

พฤติการณ์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 22.30 น. ได้เกิดเหตุ “แตงโม” นักแสดงสาวชื่อดัง ตกจากเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงกับท่าเรือพิบูลสงคราม 1

เวลา 23.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนตกเรือ โดยมีการระดมค้นหาแค่ยังไม่พบ จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบเพียงว่าแตงโมตกเรือ ซึ่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงไม่พบแตงโม และไม่มีคนบนเรือมาแสดงตัว

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 08.00 น. ตำรวจพบเรือลำเกิดเหตุจอดอยู่ที่ NBC Boat Club จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ พบพิรุธต้องสงสัย คือ มีแก้วเพียง 1 ใบ ซึ่งไม่สอดคล้องกับจำนวนคนบนเรือ ในระหว่างตำรวจตรวจสอบพยานหลักฐานอยู่นั้น ตำรวจได้สืบทราบตัวตนทั้ง 5 คนบนเรือ คือ ปอ โรเบิร์ต แซน จ๊อบ กระติก

เวลา 15.00 น. มีผู้ให้คำปรึกษาทั้ง 5 แจ้งว่าจะพาเข้าพบตำรวจในเวลานี้ แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่มาตามนัด
เวลา 18.00 น. ปอ ได้ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน
เวลา 20.00 น. ทั้ง 5 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. พบร่างแตงโม กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 2.35 เมตร พบว่าลักษณะบาดแผลบาดเป็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ

ไทม์ไลน์
** ข้อมูลที่อ้างอิง จำพวกภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลตรวจสอบโทรศัพท์ การแชทต่าง ๆ 

ขณะเดียวกัน ตำรวจเปิดคลิปวิดีโอความยาว 25 นาที ซึ่งคลิปดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วน ได้เเก่ 1.พฤติการณ์เกิดเหตุ 2.ไทม์ไลน์หรือช่วงเวลาไล่เรียงตั้งเเต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ เเละหลังเกิดเหตุ 3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 4.สภาพบาดเเผล โดยไฮไลท์สำคัญ คือ ไทม์ไลน์ ซึ่งตำรวจไล่เรียงเวลาจากกล้องวงจรปิด เเละการใช้โทรศัพท์ของบุคคลบนเรือ

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก่อนเกิดเหตุ 9 วัน
เวลา 08.00 น. ปอทักหากระติกทางไลน์ นัดแนะเพื่อนเก่าจิบไวน์
เวลา 19.00 น. กระติกไลน์หาแตงโม ว่าปอชวนไปล่องเรือ / แตงโมตกลง
เวลา 19.56 น. กระติกส่งข้อความหาปอว่า จะมีเพื่อนไปก้วยทั้งหมด 4 คน รวมแตงโม (เพื่อนอีก 2 คนในวันจริงไม่ว่างมาขึ้นเรือ) จากนั้นปอส่งรูปเรือลำที่เกิดเหตุมาให้กระติก

วันที่ 23 กุมภาพันธ์
เวลา 08.00 น. กระติกไลน์ชวนแซนไปขึ้นเรือ / แซนตกลง
เวลา 18.00 น. กระติกส่งข้อความหาปอ บอกว่าแซนไปด้วย
จากนั้นปอส่งพิกัดอู่เรือมาให้และนัดหมายเวลาลงเรือที่อู่เรือ NBC คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ในเวลา 18.00 น. 
เวลา 22.00 น. กระติกส่งข้อความหาแตงโม ว่าปอจะพาขับเรือเส้นอยุธยา

วันที่ 24 กุมภาพันธ์  (วันเกิดเหตุ)
-เวลา 14.00 น. กระติกส่งข้อความไลน์หาเเตงโม บอกว่าจะไปรับ
-เวลา 14.26 น. กระติกขับรถถึงบ้านเเตงโม
-เวลา 15.00 น. อีกฟากหนึ่งปอเดินทางถึงอู่เรือ NBC
-เวลา 15.52 น. กระติกเเละเเตงโม ขับรถออกจากบ้านของเเตงโม เพื่อไปยังอู่เรือ
-เวลา 15.35 น. จ๊อบเดินทางถึงอู่เรือ NBC
เวลา 16.45 น. กระติกเเละเเตงโม เดินทางถึงอู่เรือ
** โดยทั้งหมดในเรือมีสมาชิก 5 คน แซนเดินทางมายังไม่ถึง

16.49 น. GPS เรือออกจากอู่ เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ
17.00 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพกระติกกับแตงโม
17.01 น. เรือเทียบท่าเติมน้ำมัน (โดยไม่มีแซน)
17.13 น. โอนเงินจ่ายค่าเติมน้ำมัน

ขณะเดียวกัน
17.13 น. แซนเดินทางมาถึงอู่เรือ และถ่ายภาพไว้ เพื่อค่อยเรือกลับมารับ
17.24 น. เรือกลับมาถึงอู่รับแซน
17.46 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพแตงโมไว้
18.11 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพแตงโมไว้
18.28 น. เรือจอดเทียบท่าครัวบ้านตานิด จ.ปทุมธานี
19.57 น. จ่ายเงิน
20.08 น. เรือออกจากร้านอาหาร
20.30 น. ได้ถ่ายภาพแตงโมไว้
20.39 น. แซนได้ถ่ายรูป
21.23 น. ผ่านกล้องวงจรปิดพระนั่งเกล้า
21.33 น. ผ่านกล้องวงจรปิดสะพานพระราม 5
21.36 น. ผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 1
21.54 น. ผ่านกล้องวงจรปิดท่าเรือเทเวศร์
** ซึ่งจุดนี้เกิดข้อสงสัยว่ามีลักษณะคล้ายคนกระโดดลงจากเรือ

-เวลา 21.56 น. เรือถึงสะพานพระราม 8 กระติกถ่ายภาพคู่กับเเตงโม โดยมีฉากหลังเป็นสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นภาพที่ถูกตั้งข้อสังเกตเเสงไฟบริเวณสะพานว่าเป็นการตัดต่อ เพื่อจับผิดกระติก เเต่ผลการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญ เเละตรวจการถ่ายภาพในมุม-เวลาเดียวกัน เเละตรวจสอบจีพีเอสของเรือ พบว่าเรือเดินทางมาจุดนี้ครั้งเดียว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเเก้ไขเวลา จึงตัดประเด็นเรื่องการตัดต่อภาพทิ้งไป

-เวลา 22.06 น. เรือวกกลับ กระติกถ่ายภาพโรเบิร์ต ซึ่งเป็นสะพานคนละด้านกับที่ถ่ายคู่เเตงโม
-เวลา 22.11 น. กระติกติดต่อเรียกใช้บริการรถรับจ้างส่วนบุคคล เพื่อให้ไปส่งบ้านของเเตงโม
-เวลา 22.18 น. เรือวิ่งผ่านสะพานซังฮี้ เห็นภาพเเซนย้ายมานั่งบริเวณท้ายเรือ
-เวลา 22.21 น. เเตงโมยังตอบเเชทคนในไอจี
-เวลา 22.32 น. ยังเห็นคนบนเรือครบ 6 คน โดยเเซนยังนั่งท้ายเรือ

ทั้งนี้ ช่วงเวลาสำคัญคือ ช่วงเวลา 22.33.51 กล้องวงจรปิดของการไฟฟ้า เห็นลักษณะเเสงเงา มีวัตถุบางอย่างอยู่ท้ายเรือ -เวลา 22.34 น. เรือผ่านบริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม ยังเห็นเเสงเงาเหมือนวัตถุบางอย่างยังอยู่ท้ายเรือ จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่วินาที ในช่วงเวลา 22.34.09-22.34.10 จากการตรวจสอบเเสงเงา ไม่พบวัตถุดังกล่าวที่ท้ายเรือเเล้ว จึงสันนิษฐานว่าเเตงโมตกเรือในช่วงเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับคำให้การของเเซน ที่ให้การว่าเเตงโมมาเกาะขาเพื่อปัสสาวะ เเละคำให้การของคนอื่นๆ บนเรือ ที่ให้การว่าเห็นเเตงโมเดินไปท้ายเรือ ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่าเเตงโมตกจากท้ายเรือในเวลา 22.34.10 น.

วันที่ 25 กุมภาพันธ์
เวลา 00.28 น. กระติกส่งข้อความหาเพื่อนว่าลงจากเรือมาเข้าห้องน้ำ
00.30 น. เข้าห้องน้ำบ้านชาวบ้าน
00.39 น. กล้องจับภาพกระติกและโรเบิร์ต
00.44 น. โรเบิร์ต ปอ โทรหากัน
00.45 น. GPS ขอเรือวนกลับเข้าอู่เรือ

ขณะเดียวกันกระติกและโรเบิร์ตเดินมาที่ปากซอย
00.52 น. รถแกร็บมารับมุ่งหน้าอู่เรือ
01.03 น. ถึงอู่เรือ
01.06 น. เรือถึงอู่เรือ
01.22 น. โบ เดินทางถึงอู่เรือ
01.44 น. จ๊อบออกจากอู่
01.53 น. ผู้แนะนำคนหนึ่งส่งข้อความมาให้โรเบิร์ต อย่าให้การกับตำรวจ
02.26 น. มีการรวมกลุ่มกันที่ปั๊มเชลล์
02.27 น. ผู้แนะนำบอกให้ทั้ง 5 คน เลื่อนนัดตำรวจ เพราะมีแอลกอฮอล์ในเลือด
03.04 น. กระติกออกจากอู่เรือ
03.29 น. ขับรถถึงบ้านแตงโม
04.11 น. กระติกขับรถออกจากบ้านแตงโม
11.00 น. มาพบทนายคนหนึ่งย่านทองหล่อ
17.17 น. มาพบทนายชื่อดังอีกคนหนึ่งย่านราชพฤกษ์
20.00 น. ทั้ง 5 คน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน

สำหรับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตรวจเรือลำเกิดเหตุ พบ DNA ของคนบนเคือติดอยู่บนเรือหลายแห่ง, บริเวณห้องน้ำเรือมีการนำของไปเก็บไว้อยู่เต็มห้องน้ำ, ตรวจสอบคราบโลหิตบนเรือไม่พบคราบโลหิต

-ข้อพิรุธ พบแก้วไวน์ 1 ใบ จึงตรวจสอบโดยรอบ พบกระติกสีดำอยู่ที่อู่เรือ เปิดดูภายในพบแก้วจำนวนหลายใบ ซึ่งยืนยันได้ว่าเรือลำนี้เป็นเรือลำเดียวกับที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ไม่ได้มีการสับเปลี่ยนเเต่อย่างใด

สำหรับผลการชันสูตรพลิกศพ

  • หญิงอายุ 36 ปี สูง 167 ซม.
  • สวมชุดว่ายน้ำเต็มตัว
  • กระดูกอยู่ในสภาพปกติ
  • ฟันไม่หัก
  • ศีรษะไม่พบรอยช้ำ
  • ตรวจแอลกอฮอล์ในตา 93 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
  • ไม่พบสารเสพติด หรือสารยามอมเมา
  • พบโคลนทั่วไปในหลอดลม และแขนงในหลอดลม

บาดแผลภายนอก 26 บาดแผล
แบ่งเป็นกลุ่มบาดแผล 10 กลุ่ม
1.บาดแผลกลุ่มใหญ่ ฉีกขาด
2.บาดแผลฉีกขาดค่อนข้างเรียบ
3.บาดแผลถลอก แนวขวาง
4.บาดแผลถลอก แนวยาว
5.บาดแผลฉีกขาด แนวยาวบริเวณข้อพับ
6.บาดแผลถลอก แนวยาวซ้าย
7.บาดแผลถลอก เข่าซ้ายด้านนอก
8.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณต้นขาซ้ายด้านหน้า
9.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณเข่าซ้าย
10.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณแข้งซ้าย

ยืนยันว่าบาดแผลทั้งหมดเกิดก่อนการเสียชีวิต โดยเฉพาะบาดเเผลบริเวณต้นขา ยาว 26 เซนติเมตร กว้าง 7 เซนติเมตร ลึก 1.5 เซนติเมตร ซึ่งเมื่อนำบาดเเผลมาทำกราฟฟิกเปรียบเทียบ พบว่าเข้าได้กับลักษณะของใบพัดเรือ โดยปั่นในเเนวขวางกับขาของเเตงโม อีกทั้งเจ้าหน้าที่นำใบพัดเรือไปทดสอบโดยการกดเเละปั่นกับดินน้ำมัน พบลักษณะบาดเเผลมีความเว้าโค้งเเบบเเดียวกัน ประกอบกับบาดเเผลของผู้ที่ประสบเหตุถูกใบพัดเรือในต่างประเทศ ก็มีลักษณะเดียวกับบาดเเผลบริเวณต้นขาของเเตงโม

ส่วนคลิปที่โซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฆาตกรรม โดยถูกตีศีรษะด้วยขวดไวน์ เเล้วโยนร่างทิ้งลงจากเรือนั้น จากไทม์ไลน์พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเเตงโมตกเรือเเล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เเตงโมจะโดนทำร้าย อีกทั้งคลิปที่ถูกถ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่คนบนเรือกำลังทำลายพยานหลักฐาน เช่น เเก้วเเละขวดไวน์ โดยการโยนทิ้งลงน้ำ

ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า จากภาพหลักฐานคงไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ว่า แตงโมไปปัสสาวะบริเวณท้ายเรือจริงหรือไม่ เพราะมีเพียงคำให้การของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน เพียงคนเดียว แต่จากการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ทั้งจีพีเอสของเรือ ภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงผลการชันสูตรบาดแผลของแตงโม ที่สอดคล้องจังหวะการปั่นของใบพัดเรือ แพทย์สรุปสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากการขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า มีผู้เดินไปบริเวณท้ายเรือ และหายไปจากท้ายเรือ ในเวลาประมาณ 22.34.10 น. แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าเหตุนี้เป็นการกระทำโดยประมาทอย่างไร เนื่องจากมีผลต่อการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เชื่อว่าการที่บุคคลบนเรือพยายามปิดบังข้อเท็จจริงในช่วงแรกที่เกิดเหตุ เพราะทุกคนบนเรือมีอาการมึนเมาทั้งหมด และทุกคนมีการขอคำปรึกษาผู้อื่น ซึ่งแนะนำว่าให้เลื่อนการเข้าพบตำรวจ จนทำให้การค้นหาแตงโม และการตรวจร่างกายล่าช้า แต่ต่อมาพนักงานสอบสวน สามารถรวบรวมหลักฐาน จนดำเนินคดีกับบุคคลบนเรือ 5 คน และที่ปรึกษาทางคดี 1 คน โดยความผิดในข้อหาหลัก คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงยืนยันได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การที่แตงโมตกน้ำเสียชีวิตเอง แต่เกิดจากบุคคลอื่น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอก ประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดน ไม่เคยจบง่ายบางประเทศใช้เวลาเป็น 100 ปี อย่าไปกังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 […]

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]

“คาจิกิ” ขึ้นฝั่งเวียดนามบ่ายนี้ ไทยเตรียมรับฝนหนัก​ 25-27​ ส.ค.

กรุงเทพฯ​ 25 ส.ค.​ – กรมอุตุฯ อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วงบ่ายถึงค่ำ วันนี้​ เตือนทั่วไทยฝนฟ้าคะนองเพิ่ม ขณะที่ภาคอีสาน​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ​ เตรียมรับมือฝนถล่ม ช่วง 25​ -​ 27​ ส.ค.​นี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้​อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่น​คาจิกิอยู่ห่างจากเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 150 กม. เคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่า​ขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนช่วง​บ่าย​ถึง​ค่ำ​วันนี้​ และเข้าสู่ สปป ลาว ตามลำดับ เมื่อ​ขึ้นฝั่ง​พายุ​จะ​เริ่ม​อ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ประเทศ​ไท​ยจะเป็น​หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​ แต่ไม่รุนแรง​เท่าพายุ​วิภา ทั้งนี้​ ช่วงวันที่ 25–27 ส.ค. 68 ประเทศ​ไท​ยจะมีฝนตก​เพิ่ม​ เริ่มจาก​ขอบของ​พายุ​ ประกอบกับกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตก​หนัก​ถึง​หนัก​มาก​ โดยเฉพาะ​ภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​ขอให้​ประชาชนติดตามประกาศแจ้ง​เตือน​ลักษณะ​อากาศ​อย่างใกล้ชิด.​ 512​ – สำนักข่าว​ไทย​