ตร.เเถลงสรุปสำนวนคดี “เเตงโม” เกิดจากความประมาทของบุคคลอื่น

กรุงเทพฯ 26 เม.ย.- ตำรวจเเถลงสรุปสำนวนคดี “เเตงโม” สั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหา พร้อมเปิดคลิปนาทีตกเรือ ย้ำเกิดจากความประมาทของบุคคลอื่น ทำให้ “เเตงโม” เสียชีวิต ไม่ใช่การฆาตกรรม โดยตกจากท้ายเรือ บาดแผลเข้ากันได้กับใบพัดเรือ ส่วนปัสสาวะท้ายเรือหรือไม่ ไม่สามารถบอกได้


วันนี้ (26 เม.ย.65) ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมคณะ เเถลงสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “เเตงโม นิดา” นักเเสดงสาว

คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยมีการสอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ของกลาง คลิป DNA และอื่นๆ ประกอบด้วย พยานบุคคล รวม 124 ปาก ดังนี้ พยานที่ติดต่อผู้ที่อยู่บนเรือจำนวน 26 ปาก, พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จำนวน 62 ปาก, พยานผู้เชี่ยวชาญจำนวน 16 ปาก, พยานเจ้าหน้าที่จำนวน 20 ปาก เอกสารพยานวัตถุ รวมทั้งสิ้น 335 รายการ ดังนี้ พยานเอกสาร (ผลการตรวจต่างๆ) จำนวน 47 ฉบับ, พยานวัตถุ จำนวน 88 ชิ้น, ไฟล์คลิปวิดีโอจำนวน 200 ไฟล์ และเอกสารจำนวน 2,249 แผ่น


ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 ราย
1.ปอ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน, ไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและอักษรภาษาอังกฤษที่หัวเรือ, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว

2.โรเบิร์ต ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ

3.แซน ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย


4.จ๊อบ ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำ

5.กระติก ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน

6.เอ็ม กุนซือ ข้อหาเพื่อจัดช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น / เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่

โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกราย

ด้านตำรวจฝ่ายสืบสวนเปิดคลิปบางส่วนเพื่อให้คลายข้อสงสัย ทั้งหมด 25 นาที แบ่งเป็น 4 ส่วน
1.พฤติการณ์การเกิดเหตุ
2.ไทม์ไลน์
3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
4.สภาพบาดแผล

พฤติการณ์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 22.30 น. ได้เกิดเหตุ “แตงโม” นักแสดงสาวชื่อดัง ตกจากเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงกับท่าเรือพิบูลสงคราม 1

เวลา 23.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนตกเรือ โดยมีการระดมค้นหาแค่ยังไม่พบ จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบเพียงว่าแตงโมตกเรือ ซึ่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงไม่พบแตงโม และไม่มีคนบนเรือมาแสดงตัว

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 08.00 น. ตำรวจพบเรือลำเกิดเหตุจอดอยู่ที่ NBC Boat Club จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ พบพิรุธต้องสงสัย คือ มีแก้วเพียง 1 ใบ ซึ่งไม่สอดคล้องกับจำนวนคนบนเรือ ในระหว่างตำรวจตรวจสอบพยานหลักฐานอยู่นั้น ตำรวจได้สืบทราบตัวตนทั้ง 5 คนบนเรือ คือ ปอ โรเบิร์ต แซน จ๊อบ กระติก

เวลา 15.00 น. มีผู้ให้คำปรึกษาทั้ง 5 แจ้งว่าจะพาเข้าพบตำรวจในเวลานี้ แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่มาตามนัด
เวลา 18.00 น. ปอ ได้ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน
เวลา 20.00 น. ทั้ง 5 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. พบร่างแตงโม กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 2.35 เมตร พบว่าลักษณะบาดแผลบาดเป็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ

ไทม์ไลน์
** ข้อมูลที่อ้างอิง จำพวกภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลตรวจสอบโทรศัพท์ การแชทต่าง ๆ 

ขณะเดียวกัน ตำรวจเปิดคลิปวิดีโอความยาว 25 นาที ซึ่งคลิปดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วน ได้เเก่ 1.พฤติการณ์เกิดเหตุ 2.ไทม์ไลน์หรือช่วงเวลาไล่เรียงตั้งเเต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ เเละหลังเกิดเหตุ 3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 4.สภาพบาดเเผล โดยไฮไลท์สำคัญ คือ ไทม์ไลน์ ซึ่งตำรวจไล่เรียงเวลาจากกล้องวงจรปิด เเละการใช้โทรศัพท์ของบุคคลบนเรือ

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก่อนเกิดเหตุ 9 วัน
เวลา 08.00 น. ปอทักหากระติกทางไลน์ นัดแนะเพื่อนเก่าจิบไวน์
เวลา 19.00 น. กระติกไลน์หาแตงโม ว่าปอชวนไปล่องเรือ / แตงโมตกลง
เวลา 19.56 น. กระติกส่งข้อความหาปอว่า จะมีเพื่อนไปก้วยทั้งหมด 4 คน รวมแตงโม (เพื่อนอีก 2 คนในวันจริงไม่ว่างมาขึ้นเรือ) จากนั้นปอส่งรูปเรือลำที่เกิดเหตุมาให้กระติก

วันที่ 23 กุมภาพันธ์
เวลา 08.00 น. กระติกไลน์ชวนแซนไปขึ้นเรือ / แซนตกลง
เวลา 18.00 น. กระติกส่งข้อความหาปอ บอกว่าแซนไปด้วย
จากนั้นปอส่งพิกัดอู่เรือมาให้และนัดหมายเวลาลงเรือที่อู่เรือ NBC คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ในเวลา 18.00 น. 
เวลา 22.00 น. กระติกส่งข้อความหาแตงโม ว่าปอจะพาขับเรือเส้นอยุธยา

วันที่ 24 กุมภาพันธ์  (วันเกิดเหตุ)
-เวลา 14.00 น. กระติกส่งข้อความไลน์หาเเตงโม บอกว่าจะไปรับ
-เวลา 14.26 น. กระติกขับรถถึงบ้านเเตงโม
-เวลา 15.00 น. อีกฟากหนึ่งปอเดินทางถึงอู่เรือ NBC
-เวลา 15.52 น. กระติกเเละเเตงโม ขับรถออกจากบ้านของเเตงโม เพื่อไปยังอู่เรือ
-เวลา 15.35 น. จ๊อบเดินทางถึงอู่เรือ NBC
เวลา 16.45 น. กระติกเเละเเตงโม เดินทางถึงอู่เรือ
** โดยทั้งหมดในเรือมีสมาชิก 5 คน แซนเดินทางมายังไม่ถึง

16.49 น. GPS เรือออกจากอู่ เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ
17.00 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพกระติกกับแตงโม
17.01 น. เรือเทียบท่าเติมน้ำมัน (โดยไม่มีแซน)
17.13 น. โอนเงินจ่ายค่าเติมน้ำมัน

ขณะเดียวกัน
17.13 น. แซนเดินทางมาถึงอู่เรือ และถ่ายภาพไว้ เพื่อค่อยเรือกลับมารับ
17.24 น. เรือกลับมาถึงอู่รับแซน
17.46 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพแตงโมไว้
18.11 น. โทรศัพท์กระติกถ่ายภาพแตงโมไว้
18.28 น. เรือจอดเทียบท่าครัวบ้านตานิด จ.ปทุมธานี
19.57 น. จ่ายเงิน
20.08 น. เรือออกจากร้านอาหาร
20.30 น. ได้ถ่ายภาพแตงโมไว้
20.39 น. แซนได้ถ่ายรูป
21.23 น. ผ่านกล้องวงจรปิดพระนั่งเกล้า
21.33 น. ผ่านกล้องวงจรปิดสะพานพระราม 5
21.36 น. ผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 1
21.54 น. ผ่านกล้องวงจรปิดท่าเรือเทเวศร์
** ซึ่งจุดนี้เกิดข้อสงสัยว่ามีลักษณะคล้ายคนกระโดดลงจากเรือ

-เวลา 21.56 น. เรือถึงสะพานพระราม 8 กระติกถ่ายภาพคู่กับเเตงโม โดยมีฉากหลังเป็นสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นภาพที่ถูกตั้งข้อสังเกตเเสงไฟบริเวณสะพานว่าเป็นการตัดต่อ เพื่อจับผิดกระติก เเต่ผลการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญ เเละตรวจการถ่ายภาพในมุม-เวลาเดียวกัน เเละตรวจสอบจีพีเอสของเรือ พบว่าเรือเดินทางมาจุดนี้ครั้งเดียว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเเก้ไขเวลา จึงตัดประเด็นเรื่องการตัดต่อภาพทิ้งไป

-เวลา 22.06 น. เรือวกกลับ กระติกถ่ายภาพโรเบิร์ต ซึ่งเป็นสะพานคนละด้านกับที่ถ่ายคู่เเตงโม
-เวลา 22.11 น. กระติกติดต่อเรียกใช้บริการรถรับจ้างส่วนบุคคล เพื่อให้ไปส่งบ้านของเเตงโม
-เวลา 22.18 น. เรือวิ่งผ่านสะพานซังฮี้ เห็นภาพเเซนย้ายมานั่งบริเวณท้ายเรือ
-เวลา 22.21 น. เเตงโมยังตอบเเชทคนในไอจี
-เวลา 22.32 น. ยังเห็นคนบนเรือครบ 6 คน โดยเเซนยังนั่งท้ายเรือ

ทั้งนี้ ช่วงเวลาสำคัญคือ ช่วงเวลา 22.33.51 กล้องวงจรปิดของการไฟฟ้า เห็นลักษณะเเสงเงา มีวัตถุบางอย่างอยู่ท้ายเรือ -เวลา 22.34 น. เรือผ่านบริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม ยังเห็นเเสงเงาเหมือนวัตถุบางอย่างยังอยู่ท้ายเรือ จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่วินาที ในช่วงเวลา 22.34.09-22.34.10 จากการตรวจสอบเเสงเงา ไม่พบวัตถุดังกล่าวที่ท้ายเรือเเล้ว จึงสันนิษฐานว่าเเตงโมตกเรือในช่วงเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับคำให้การของเเซน ที่ให้การว่าเเตงโมมาเกาะขาเพื่อปัสสาวะ เเละคำให้การของคนอื่นๆ บนเรือ ที่ให้การว่าเห็นเเตงโมเดินไปท้ายเรือ ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่าเเตงโมตกจากท้ายเรือในเวลา 22.34.10 น.

วันที่ 25 กุมภาพันธ์
เวลา 00.28 น. กระติกส่งข้อความหาเพื่อนว่าลงจากเรือมาเข้าห้องน้ำ
00.30 น. เข้าห้องน้ำบ้านชาวบ้าน
00.39 น. กล้องจับภาพกระติกและโรเบิร์ต
00.44 น. โรเบิร์ต ปอ โทรหากัน
00.45 น. GPS ขอเรือวนกลับเข้าอู่เรือ

ขณะเดียวกันกระติกและโรเบิร์ตเดินมาที่ปากซอย
00.52 น. รถแกร็บมารับมุ่งหน้าอู่เรือ
01.03 น. ถึงอู่เรือ
01.06 น. เรือถึงอู่เรือ
01.22 น. โบ เดินทางถึงอู่เรือ
01.44 น. จ๊อบออกจากอู่
01.53 น. ผู้แนะนำคนหนึ่งส่งข้อความมาให้โรเบิร์ต อย่าให้การกับตำรวจ
02.26 น. มีการรวมกลุ่มกันที่ปั๊มเชลล์
02.27 น. ผู้แนะนำบอกให้ทั้ง 5 คน เลื่อนนัดตำรวจ เพราะมีแอลกอฮอล์ในเลือด
03.04 น. กระติกออกจากอู่เรือ
03.29 น. ขับรถถึงบ้านแตงโม
04.11 น. กระติกขับรถออกจากบ้านแตงโม
11.00 น. มาพบทนายคนหนึ่งย่านทองหล่อ
17.17 น. มาพบทนายชื่อดังอีกคนหนึ่งย่านราชพฤกษ์
20.00 น. ทั้ง 5 คน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน

สำหรับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตรวจเรือลำเกิดเหตุ พบ DNA ของคนบนเคือติดอยู่บนเรือหลายแห่ง, บริเวณห้องน้ำเรือมีการนำของไปเก็บไว้อยู่เต็มห้องน้ำ, ตรวจสอบคราบโลหิตบนเรือไม่พบคราบโลหิต

-ข้อพิรุธ พบแก้วไวน์ 1 ใบ จึงตรวจสอบโดยรอบ พบกระติกสีดำอยู่ที่อู่เรือ เปิดดูภายในพบแก้วจำนวนหลายใบ ซึ่งยืนยันได้ว่าเรือลำนี้เป็นเรือลำเดียวกับที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ไม่ได้มีการสับเปลี่ยนเเต่อย่างใด

สำหรับผลการชันสูตรพลิกศพ

  • หญิงอายุ 36 ปี สูง 167 ซม.
  • สวมชุดว่ายน้ำเต็มตัว
  • กระดูกอยู่ในสภาพปกติ
  • ฟันไม่หัก
  • ศีรษะไม่พบรอยช้ำ
  • ตรวจแอลกอฮอล์ในตา 93 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
  • ไม่พบสารเสพติด หรือสารยามอมเมา
  • พบโคลนทั่วไปในหลอดลม และแขนงในหลอดลม

บาดแผลภายนอก 26 บาดแผล
แบ่งเป็นกลุ่มบาดแผล 10 กลุ่ม
1.บาดแผลกลุ่มใหญ่ ฉีกขาด
2.บาดแผลฉีกขาดค่อนข้างเรียบ
3.บาดแผลถลอก แนวขวาง
4.บาดแผลถลอก แนวยาว
5.บาดแผลฉีกขาด แนวยาวบริเวณข้อพับ
6.บาดแผลถลอก แนวยาวซ้าย
7.บาดแผลถลอก เข่าซ้ายด้านนอก
8.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณต้นขาซ้ายด้านหน้า
9.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณเข่าซ้าย
10.บาดแผลฟอกช้ำ บริเวณแข้งซ้าย

ยืนยันว่าบาดแผลทั้งหมดเกิดก่อนการเสียชีวิต โดยเฉพาะบาดเเผลบริเวณต้นขา ยาว 26 เซนติเมตร กว้าง 7 เซนติเมตร ลึก 1.5 เซนติเมตร ซึ่งเมื่อนำบาดเเผลมาทำกราฟฟิกเปรียบเทียบ พบว่าเข้าได้กับลักษณะของใบพัดเรือ โดยปั่นในเเนวขวางกับขาของเเตงโม อีกทั้งเจ้าหน้าที่นำใบพัดเรือไปทดสอบโดยการกดเเละปั่นกับดินน้ำมัน พบลักษณะบาดเเผลมีความเว้าโค้งเเบบเเดียวกัน ประกอบกับบาดเเผลของผู้ที่ประสบเหตุถูกใบพัดเรือในต่างประเทศ ก็มีลักษณะเดียวกับบาดเเผลบริเวณต้นขาของเเตงโม

ส่วนคลิปที่โซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฆาตกรรม โดยถูกตีศีรษะด้วยขวดไวน์ เเล้วโยนร่างทิ้งลงจากเรือนั้น จากไทม์ไลน์พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเเตงโมตกเรือเเล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เเตงโมจะโดนทำร้าย อีกทั้งคลิปที่ถูกถ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่คนบนเรือกำลังทำลายพยานหลักฐาน เช่น เเก้วเเละขวดไวน์ โดยการโยนทิ้งลงน้ำ

ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า จากภาพหลักฐานคงไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ว่า แตงโมไปปัสสาวะบริเวณท้ายเรือจริงหรือไม่ เพราะมีเพียงคำให้การของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน เพียงคนเดียว แต่จากการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ทั้งจีพีเอสของเรือ ภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงผลการชันสูตรบาดแผลของแตงโม ที่สอดคล้องจังหวะการปั่นของใบพัดเรือ แพทย์สรุปสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากการขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า มีผู้เดินไปบริเวณท้ายเรือ และหายไปจากท้ายเรือ ในเวลาประมาณ 22.34.10 น. แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าเหตุนี้เป็นการกระทำโดยประมาทอย่างไร เนื่องจากมีผลต่อการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เชื่อว่าการที่บุคคลบนเรือพยายามปิดบังข้อเท็จจริงในช่วงแรกที่เกิดเหตุ เพราะทุกคนบนเรือมีอาการมึนเมาทั้งหมด และทุกคนมีการขอคำปรึกษาผู้อื่น ซึ่งแนะนำว่าให้เลื่อนการเข้าพบตำรวจ จนทำให้การค้นหาแตงโม และการตรวจร่างกายล่าช้า แต่ต่อมาพนักงานสอบสวน สามารถรวบรวมหลักฐาน จนดำเนินคดีกับบุคคลบนเรือ 5 คน และที่ปรึกษาทางคดี 1 คน โดยความผิดในข้อหาหลัก คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงยืนยันได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การที่แตงโมตกน้ำเสียชีวิตเอง แต่เกิดจากบุคคลอื่น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]