จับตาแถลงปิดคดี “แตงโม” พรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วกับคดี “แตงโม” ตกเรือสปีดโบ๊ทเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สุดพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) จะมีการแถลงปิดคดีอย่างเป็นทางการ หลังการแถลงตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ส่งฟ้องทุกคดี ทุกข้อหา ต่ออัยการจังหวัดนนทบุรี ทันที


วันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) เวลา 13.00 น. พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และคณะพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี จะแถลงปิดคดีที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยได้เชิญ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่ เข้าร่วมรับฟังด้วย

การแถลงจะมีการชี้แจงทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นในประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์เรือลำเกิดเหตุ ความผิด อัตราโทษ ข้อเท็จจริง รวมถึงเรื่องบาดแผลว่าเกิดจากอะไร ซึ่งมีการชันสูตรศพถึง 2 รอบ โดยรวมระยะเวลา 2 เดือน 2 วัน ที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนคลี่คลายข้อสงสัย จนสามารถดำเนินคดีกับคนบนเรือได้ทั้งหมดทั้ง 5 คน ในข้อหาที่แตกต่างกันไป


โดย ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ถูกดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ, แจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172

จากการสอบสวนปอให้การว่า ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงที่ล่องเรือกลับ หลังจากไปถ่ายรูปที่บริเวณสะพานพระราม 8 และมาพบว่าช่วงที่แตงโมหายจากเรือคือช่วงบริเวณสะพานพระราม 7 ตอนนั้นตนเองไม่ได้เป็นคนขับเรือ แต่คนขับเรือคือ โรเบิร์ต และอ้างว่าแซนเป็นคนเห็นเหตุการณ์ เพราะแตงโมได้พยายามจับขา หลังจากนั่งปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนจะพลัดตกแม่น้ำ ช่วงนั้นไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากแตงโม เพราะเสียงเครื่องยนต์ดัง ประกอบกับเปิดเพลงจากลำโพง และเรือไม่ได้แล่นด้วยความเร็ว ยอมรับว่าทุกคนดื่มไวน์มาตั้งแต่ร้านอาหาร แต่ไม่มีอาการมึนเมา หลังรู้ว่าแตงโมตกเรือได้พยายามช่วยกันค้นหา ก่อนจะแจ้งตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยืนยันหลังเกิดเหตุไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ยอมรับว่ามีอาการตกใจ กังวล เมื่อตั้งสติได้จึงเดินทางเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ยืนยันไม่มีเจตนาให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแตงโม

โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ถูกตั้ง 4 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ


จากการเปิดเผยของตำรวจ โรเบิร์ตยอมรับว่าขับเรือไม่เป็น แต่อยากลองขับ ทำให้มีจังหวะที่เรือกระชาก ขณะใช้ความเร็วเรือ 8 นอต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แตงโมพลัดตกเรือ

แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ถูกตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ยืนยันคำให้การตามเติมว่าแตงโมไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือ

จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาทร โดน 2 ข้อหา คือ ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษทางอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หรือทำลายหลักฐาน, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ สอบสวน “จ๊อบ” ให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 ข้อหา

กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ถูกข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172, ทำลายพยานหลักฐาน ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หลังลบภาพล่องเรือในมือถือ

กระติกให้การรับสารภาพว่า ได้ให้การอันเป็นเท็จ แต่ไม่ขอบอกรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งมีรายงานว่าได้ให้การเท็จเรื่องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากกว่า 3 ขวด และยืนยันไม่เห็นแตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ โดยแซนเป็นคนเห็น ส่วนเรื่องลบรูปนั้น กระติกบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางรูปไม่สวยก็ลบ แต่ไม่ได้มีการทำลายหลักฐาน
จากข้อมูล

พอจะคาดการณ์ได้ว่าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จากพยานหลักฐานขณะนี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายนั้นเข้ากับใบพัดเรือ ซึ่งหลังจากตำรวจแถลงปิดคดีแตงโมแล้วเสร็จจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมสำนวนคดี ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการทันที เบื้องต้นตำรวจมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนในทุกข้อกล่าวหาที่ถูกดำเนินคดี

นอกจาก 5 คนบนเรือแล้ว ตำรวจยังมีการดำเนินคดีกับนายเอ็ม กุนซือที่ให้คำแนะนำแก่คนบนเรือในการให้ข้อมูลกับตำรวจ ใน 3 ข้อหา ด้วย คือ มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด, มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา 184 ผู้ใดช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การแถลงปิดคดีในวันพรุ่งนี้เป็นที่จับตา เพราะนอกจากผู้เสียชีวิตจะเป็นนักแสดงชื่อดังแล้ว ปมสาเหตุการเสียชีวิตยังเกิดข้อกังขาสงสัยมากมาย ตั้งแต่วันเกิดเหตุที่คนบนเรือหายตัวไป ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับมีภาพจากกล้องวงจรปิดไปปรากฏในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งไม่ได้เข้าพบตำรวจทันที การส่งศพแตงโมไปชันสูตร หลังพบร่างในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จากเดิมจะส่งไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต แต่เปลี่ยนกะทันหันไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีการโยนแก้วและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งน้ำ มีการไปรวมตัวกันหลังเกิดเหตุและยังนัดพบกับกุนซือก่อนเข้าพบตำรวจ เมื่อคนบนเรือไปพบตำรวจไม่มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทั้งหมด รวมไปถึงการไปบวชโยคีของปอและโรเบิร์ต

นอกจากพฤติกรรมของคนบนเรือแล้ว กระแสสังคมยังตั้งคำถามถึงการทำคดีของตำรวจที่ถูกมองว่าหละหลวม ทำให้เกิดกระแสดราม่ามากมาย และมีนักสืบโซเชียลต่างพากันตรวจสอบขุดคุ้ยเพื่อช่วยหาหลักฐานในคดีนี้ โดยเฉพาะที่มีการระบุว่าชุดบอดี้สูท และทำท่าดังกล่าวก็ไม่สามารถทำได้ การนำคลิปการดำน้ำของกระติกออกมาเผยแพร่หลังจากเจ้าตัวบอกกับแม่แตงโมว่าว่ายน้ำไม่เป็น การตั้งข้อสังเกตเรื่องไฟบนสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นฉากหลังภาพถ่ายสุดท้ายของกระติกและแตงโม ที่ระบุเวลา 21.56 น. ขณะที่เวลาปิดไฟของสะพานพระราม 8 คือ 21.00 น. จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการเซตเวลาบนโทรศัพท์เพื่อสร้างหลักฐานเวลาหรือไม่

นักสืบโซเชียลได้ชี้พิรุธเรื่องรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำตามร่างกายของ ปอ แซน รวมถึงเสื้อของจ๊อบ ว่ามีรอยขาด จนนำไปสู่การเปลี่ยนเสื้อโชว์ของจ๊อบว่าเสื้อตัวนี้ไม่มีรอยขาด ปรากฏว่าตอนถอดเสื้อนักข่าวเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่และรอยขีดข่วนตามตัว รวมถึงมีการตั้งข้อสงสัยเรื่องสภาพศพของแตงโม โดยเฉพาะบาดแผลที่ต้นขาด้านใน รวมถึงสภาพศีรษะ กะโหล จนทำให้ทางสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ชี้แจงการผ่าชันสูตรศพแตงโมให้แม่และทนายความทราบอย่างละเอียด ทำให้ครอบครัวพอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังติดใจสงสัยอีก 11 ประเด็น ทนายความจึงมีการยื่นเรื่องต่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขอให้มีการชันสูตรแตงโมเป็นครั้งที่ 2 และมีการแถลงผลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผลปรากฏว่าผลการชันสูตรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่เปิดเผยข้อมูลให้สื่อได้ทราบเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น ไม่พบบาดแผลที่ ศีรษะ สภาพใบหน้าของศพเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามสภาพของศพหลังการตายได้ ที่อาจเกิดจากอากาศ ความดัน ไม่พบว่ามีการรัดคอ แผลที่ขา เล็บมือ ได้ตรวจซ้ำอีกครั้งว่ามีการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายหรือไม่ แผ่นหลังไม่พบบาดแผล หลอดลม อวัยวะเพศ ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบ 2 ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่น ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในการตรวจสอบพบบาดแผลทั้งหมด 22 จุด แต่โดยรวมไม่ต่างจากรอบแรก คือไม่พบบาดแผลที่ศีรษะ ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์

พี่ชาย “แตงโม” เปิดภาพน้องสาวในวัยเด็ก
ล่าสุดเมื่อวานนี้ “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาทวงความยุติธรรมให้กับน้องสาว และติดตามความคืบหน้าในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Dayos Dechjob ด้วยการเปิดภาพที่หาดูยาก และไม่เคยโพสต์ลงที่ไหนมาก่อน นั่นคือภาพ “แตงโม” ในวัยเด็ก ขณะที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน มีรอยยิ้มสดใส แต่ไม่มีเขียนแคปชั่นอะไร มีเพียงใส่อิโมจิรูป (หัวใจสีแดง และแตงโม) เท่านั้น บ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกว่า “คิดถึงแตงโม” น้องสาว เสมอนั่นเอง

โพสต์ล่าสุดต่อมา “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่คิดถึงน้องสาวมากๆ ได้เดินทางไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณจุดที่พบร่างไร้วิญญาณของน้องสาวลอยขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมเช็กอิน “ท่าน้ำพิบูลสงคราม 1” กับใส่อิโมจิ (ตัวเศร้าร้องไห้) รวมไปถึงยังได้โพสต์คลิปภาพงานอาลัย “แตงโม” และคลิป “แตงโม” น้องสาว ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถก สมช. ชี้รัฐบาล-กองทัพ ไร้ปัญหา ทำงานเป็นเอกภาพ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.-นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้รัฐบาลกับกองทัพ เคลียร์อำนาจหน้าที่แล้วไร้ปัญหา ย้ำ ทำงานเป็นเอกภาพ รักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ยึดสันติวิธี บอกมอบหน้างานประเมินหากต้องปะทะ ทุกอย่างยังโอเค ยืนยันรัฐบาลทำงานไม่ช้า กำชับ ก.ดีอี ดูเนื้อหาปลุกปั่นหวั่นขยายขัดแย้ง ด้าน ผบ.ทสส. ลั่น กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล แจงประชุมเหล่าทัพไม่เชิญสื่อ ขอทำงานมืออาชีพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปคุยกับทีมกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ และยืนยันว่า ทุกหน่วย ทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี และวันนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ซึ่งวันนี้ ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี […]

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

โคราชพบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19

นครราชสีมา 6 มิ.ย. – จ.นครราชสีมา พบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เผยตัวเลขเก็บศพโควิด เดือนนี้ 8 ราย ส่วนยอดติดเชื้อวันที่ 4 มิถุนายน 68 วันเดียวเพิ่ม 2 หมื่นคน นายชัยสิทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 โพสต์ภาพลงในโซเชียล ขณะอาสากู้ภัย “ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ COVID-19 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31” กำลังช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาล ไปฌาปนกิจ พร้อมข้อความเตือน “ระวังกันนะครับ ให้ระวังกัน เพราะช่วงนี้ติดเชื้อกันเยอะ คนที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยงอายุ วันนี้ มีตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนถึงสูงอายุ ทีมงานฮุก 31 บ้านหลังสุดท้าย ทุกๆ เขตรับผิดชอบ เริ่มมีภารกิจถี่ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. […]

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]