จับตาแถลงปิดคดี “แตงโม” พรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วกับคดี “แตงโม” ตกเรือสปีดโบ๊ทเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สุดพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) จะมีการแถลงปิดคดีอย่างเป็นทางการ หลังการแถลงตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ส่งฟ้องทุกคดี ทุกข้อหา ต่ออัยการจังหวัดนนทบุรี ทันที


วันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) เวลา 13.00 น. พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และคณะพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี จะแถลงปิดคดีที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยได้เชิญ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่ เข้าร่วมรับฟังด้วย

การแถลงจะมีการชี้แจงทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นในประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์เรือลำเกิดเหตุ ความผิด อัตราโทษ ข้อเท็จจริง รวมถึงเรื่องบาดแผลว่าเกิดจากอะไร ซึ่งมีการชันสูตรศพถึง 2 รอบ โดยรวมระยะเวลา 2 เดือน 2 วัน ที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนคลี่คลายข้อสงสัย จนสามารถดำเนินคดีกับคนบนเรือได้ทั้งหมดทั้ง 5 คน ในข้อหาที่แตกต่างกันไป


โดย ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ถูกดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ, แจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172

จากการสอบสวนปอให้การว่า ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงที่ล่องเรือกลับ หลังจากไปถ่ายรูปที่บริเวณสะพานพระราม 8 และมาพบว่าช่วงที่แตงโมหายจากเรือคือช่วงบริเวณสะพานพระราม 7 ตอนนั้นตนเองไม่ได้เป็นคนขับเรือ แต่คนขับเรือคือ โรเบิร์ต และอ้างว่าแซนเป็นคนเห็นเหตุการณ์ เพราะแตงโมได้พยายามจับขา หลังจากนั่งปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนจะพลัดตกแม่น้ำ ช่วงนั้นไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากแตงโม เพราะเสียงเครื่องยนต์ดัง ประกอบกับเปิดเพลงจากลำโพง และเรือไม่ได้แล่นด้วยความเร็ว ยอมรับว่าทุกคนดื่มไวน์มาตั้งแต่ร้านอาหาร แต่ไม่มีอาการมึนเมา หลังรู้ว่าแตงโมตกเรือได้พยายามช่วยกันค้นหา ก่อนจะแจ้งตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยืนยันหลังเกิดเหตุไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ยอมรับว่ามีอาการตกใจ กังวล เมื่อตั้งสติได้จึงเดินทางเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ยืนยันไม่มีเจตนาให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแตงโม

โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ถูกตั้ง 4 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ


จากการเปิดเผยของตำรวจ โรเบิร์ตยอมรับว่าขับเรือไม่เป็น แต่อยากลองขับ ทำให้มีจังหวะที่เรือกระชาก ขณะใช้ความเร็วเรือ 8 นอต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แตงโมพลัดตกเรือ

แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ถูกตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ยืนยันคำให้การตามเติมว่าแตงโมไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือ

จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาทร โดน 2 ข้อหา คือ ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษทางอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หรือทำลายหลักฐาน, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ สอบสวน “จ๊อบ” ให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 ข้อหา

กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ถูกข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172, ทำลายพยานหลักฐาน ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หลังลบภาพล่องเรือในมือถือ

กระติกให้การรับสารภาพว่า ได้ให้การอันเป็นเท็จ แต่ไม่ขอบอกรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งมีรายงานว่าได้ให้การเท็จเรื่องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากกว่า 3 ขวด และยืนยันไม่เห็นแตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ โดยแซนเป็นคนเห็น ส่วนเรื่องลบรูปนั้น กระติกบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางรูปไม่สวยก็ลบ แต่ไม่ได้มีการทำลายหลักฐาน
จากข้อมูล

พอจะคาดการณ์ได้ว่าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จากพยานหลักฐานขณะนี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายนั้นเข้ากับใบพัดเรือ ซึ่งหลังจากตำรวจแถลงปิดคดีแตงโมแล้วเสร็จจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมสำนวนคดี ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการทันที เบื้องต้นตำรวจมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนในทุกข้อกล่าวหาที่ถูกดำเนินคดี

นอกจาก 5 คนบนเรือแล้ว ตำรวจยังมีการดำเนินคดีกับนายเอ็ม กุนซือที่ให้คำแนะนำแก่คนบนเรือในการให้ข้อมูลกับตำรวจ ใน 3 ข้อหา ด้วย คือ มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด, มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา 184 ผู้ใดช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การแถลงปิดคดีในวันพรุ่งนี้เป็นที่จับตา เพราะนอกจากผู้เสียชีวิตจะเป็นนักแสดงชื่อดังแล้ว ปมสาเหตุการเสียชีวิตยังเกิดข้อกังขาสงสัยมากมาย ตั้งแต่วันเกิดเหตุที่คนบนเรือหายตัวไป ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับมีภาพจากกล้องวงจรปิดไปปรากฏในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งไม่ได้เข้าพบตำรวจทันที การส่งศพแตงโมไปชันสูตร หลังพบร่างในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จากเดิมจะส่งไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต แต่เปลี่ยนกะทันหันไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีการโยนแก้วและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งน้ำ มีการไปรวมตัวกันหลังเกิดเหตุและยังนัดพบกับกุนซือก่อนเข้าพบตำรวจ เมื่อคนบนเรือไปพบตำรวจไม่มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทั้งหมด รวมไปถึงการไปบวชโยคีของปอและโรเบิร์ต

นอกจากพฤติกรรมของคนบนเรือแล้ว กระแสสังคมยังตั้งคำถามถึงการทำคดีของตำรวจที่ถูกมองว่าหละหลวม ทำให้เกิดกระแสดราม่ามากมาย และมีนักสืบโซเชียลต่างพากันตรวจสอบขุดคุ้ยเพื่อช่วยหาหลักฐานในคดีนี้ โดยเฉพาะที่มีการระบุว่าชุดบอดี้สูท และทำท่าดังกล่าวก็ไม่สามารถทำได้ การนำคลิปการดำน้ำของกระติกออกมาเผยแพร่หลังจากเจ้าตัวบอกกับแม่แตงโมว่าว่ายน้ำไม่เป็น การตั้งข้อสังเกตเรื่องไฟบนสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นฉากหลังภาพถ่ายสุดท้ายของกระติกและแตงโม ที่ระบุเวลา 21.56 น. ขณะที่เวลาปิดไฟของสะพานพระราม 8 คือ 21.00 น. จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการเซตเวลาบนโทรศัพท์เพื่อสร้างหลักฐานเวลาหรือไม่

นักสืบโซเชียลได้ชี้พิรุธเรื่องรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำตามร่างกายของ ปอ แซน รวมถึงเสื้อของจ๊อบ ว่ามีรอยขาด จนนำไปสู่การเปลี่ยนเสื้อโชว์ของจ๊อบว่าเสื้อตัวนี้ไม่มีรอยขาด ปรากฏว่าตอนถอดเสื้อนักข่าวเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่และรอยขีดข่วนตามตัว รวมถึงมีการตั้งข้อสงสัยเรื่องสภาพศพของแตงโม โดยเฉพาะบาดแผลที่ต้นขาด้านใน รวมถึงสภาพศีรษะ กะโหล จนทำให้ทางสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ชี้แจงการผ่าชันสูตรศพแตงโมให้แม่และทนายความทราบอย่างละเอียด ทำให้ครอบครัวพอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังติดใจสงสัยอีก 11 ประเด็น ทนายความจึงมีการยื่นเรื่องต่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขอให้มีการชันสูตรแตงโมเป็นครั้งที่ 2 และมีการแถลงผลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผลปรากฏว่าผลการชันสูตรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่เปิดเผยข้อมูลให้สื่อได้ทราบเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น ไม่พบบาดแผลที่ ศีรษะ สภาพใบหน้าของศพเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามสภาพของศพหลังการตายได้ ที่อาจเกิดจากอากาศ ความดัน ไม่พบว่ามีการรัดคอ แผลที่ขา เล็บมือ ได้ตรวจซ้ำอีกครั้งว่ามีการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายหรือไม่ แผ่นหลังไม่พบบาดแผล หลอดลม อวัยวะเพศ ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบ 2 ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่น ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในการตรวจสอบพบบาดแผลทั้งหมด 22 จุด แต่โดยรวมไม่ต่างจากรอบแรก คือไม่พบบาดแผลที่ศีรษะ ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์

พี่ชาย “แตงโม” เปิดภาพน้องสาวในวัยเด็ก
ล่าสุดเมื่อวานนี้ “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาทวงความยุติธรรมให้กับน้องสาว และติดตามความคืบหน้าในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Dayos Dechjob ด้วยการเปิดภาพที่หาดูยาก และไม่เคยโพสต์ลงที่ไหนมาก่อน นั่นคือภาพ “แตงโม” ในวัยเด็ก ขณะที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน มีรอยยิ้มสดใส แต่ไม่มีเขียนแคปชั่นอะไร มีเพียงใส่อิโมจิรูป (หัวใจสีแดง และแตงโม) เท่านั้น บ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกว่า “คิดถึงแตงโม” น้องสาว เสมอนั่นเอง

โพสต์ล่าสุดต่อมา “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่คิดถึงน้องสาวมากๆ ได้เดินทางไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณจุดที่พบร่างไร้วิญญาณของน้องสาวลอยขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมเช็กอิน “ท่าน้ำพิบูลสงคราม 1” กับใส่อิโมจิ (ตัวเศร้าร้องไห้) รวมไปถึงยังได้โพสต์คลิปภาพงานอาลัย “แตงโม” และคลิป “แตงโม” น้องสาว ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย