กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วกับคดี “แตงโม” ตกเรือสปีดโบ๊ทเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สุดพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) จะมีการแถลงปิดคดีอย่างเป็นทางการ หลังการแถลงตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ส่งฟ้องทุกคดี ทุกข้อหา ต่ออัยการจังหวัดนนทบุรี ทันที
วันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) เวลา 13.00 น. พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และคณะพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี จะแถลงปิดคดีที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยได้เชิญ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่ เข้าร่วมรับฟังด้วย
การแถลงจะมีการชี้แจงทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นในประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์เรือลำเกิดเหตุ ความผิด อัตราโทษ ข้อเท็จจริง รวมถึงเรื่องบาดแผลว่าเกิดจากอะไร ซึ่งมีการชันสูตรศพถึง 2 รอบ โดยรวมระยะเวลา 2 เดือน 2 วัน ที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนคลี่คลายข้อสงสัย จนสามารถดำเนินคดีกับคนบนเรือได้ทั้งหมดทั้ง 5 คน ในข้อหาที่แตกต่างกันไป
โดย ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ถูกดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ, แจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172
จากการสอบสวนปอให้การว่า ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงที่ล่องเรือกลับ หลังจากไปถ่ายรูปที่บริเวณสะพานพระราม 8 และมาพบว่าช่วงที่แตงโมหายจากเรือคือช่วงบริเวณสะพานพระราม 7 ตอนนั้นตนเองไม่ได้เป็นคนขับเรือ แต่คนขับเรือคือ โรเบิร์ต และอ้างว่าแซนเป็นคนเห็นเหตุการณ์ เพราะแตงโมได้พยายามจับขา หลังจากนั่งปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนจะพลัดตกแม่น้ำ ช่วงนั้นไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากแตงโม เพราะเสียงเครื่องยนต์ดัง ประกอบกับเปิดเพลงจากลำโพง และเรือไม่ได้แล่นด้วยความเร็ว ยอมรับว่าทุกคนดื่มไวน์มาตั้งแต่ร้านอาหาร แต่ไม่มีอาการมึนเมา หลังรู้ว่าแตงโมตกเรือได้พยายามช่วยกันค้นหา ก่อนจะแจ้งตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยืนยันหลังเกิดเหตุไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ยอมรับว่ามีอาการตกใจ กังวล เมื่อตั้งสติได้จึงเดินทางเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ยืนยันไม่มีเจตนาให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแตงโม
โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ถูกตั้ง 4 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291, พ.ร.บ.การเดินเรือ ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต, พ.ร.บ.การเดินเรือ ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ
จากการเปิดเผยของตำรวจ โรเบิร์ตยอมรับว่าขับเรือไม่เป็น แต่อยากลองขับ ทำให้มีจังหวะที่เรือกระชาก ขณะใช้ความเร็วเรือ 8 นอต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แตงโมพลัดตกเรือ
แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ถูกตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา 291 เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ยืนยันคำให้การตามเติมว่าแตงโมไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือ
จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาทร โดน 2 ข้อหา คือ ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษทางอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หรือทำลายหลักฐาน, พ.ร.บ.การเดินเรือ มาตรา 119 ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ สอบสวน “จ๊อบ” ให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 ข้อหา
กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ถูกข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตาม ป.อาญา มาตรา 172, ทำลายพยานหลักฐาน ตาม ป.อาญา มาตรา 184 หลังลบภาพล่องเรือในมือถือ
กระติกให้การรับสารภาพว่า ได้ให้การอันเป็นเท็จ แต่ไม่ขอบอกรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งมีรายงานว่าได้ให้การเท็จเรื่องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากกว่า 3 ขวด และยืนยันไม่เห็นแตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ โดยแซนเป็นคนเห็น ส่วนเรื่องลบรูปนั้น กระติกบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางรูปไม่สวยก็ลบ แต่ไม่ได้มีการทำลายหลักฐาน
จากข้อมูล
พอจะคาดการณ์ได้ว่าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จากพยานหลักฐานขณะนี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายนั้นเข้ากับใบพัดเรือ ซึ่งหลังจากตำรวจแถลงปิดคดีแตงโมแล้วเสร็จจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมสำนวนคดี ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการทันที เบื้องต้นตำรวจมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนในทุกข้อกล่าวหาที่ถูกดำเนินคดี
นอกจาก 5 คนบนเรือแล้ว ตำรวจยังมีการดำเนินคดีกับนายเอ็ม กุนซือที่ให้คำแนะนำแก่คนบนเรือในการให้ข้อมูลกับตำรวจ ใน 3 ข้อหา ด้วย คือ มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด, มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา 184 ผู้ใดช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การแถลงปิดคดีในวันพรุ่งนี้เป็นที่จับตา เพราะนอกจากผู้เสียชีวิตจะเป็นนักแสดงชื่อดังแล้ว ปมสาเหตุการเสียชีวิตยังเกิดข้อกังขาสงสัยมากมาย ตั้งแต่วันเกิดเหตุที่คนบนเรือหายตัวไป ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับมีภาพจากกล้องวงจรปิดไปปรากฏในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งไม่ได้เข้าพบตำรวจทันที การส่งศพแตงโมไปชันสูตร หลังพบร่างในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จากเดิมจะส่งไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต แต่เปลี่ยนกะทันหันไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีการโยนแก้วและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งน้ำ มีการไปรวมตัวกันหลังเกิดเหตุและยังนัดพบกับกุนซือก่อนเข้าพบตำรวจ เมื่อคนบนเรือไปพบตำรวจไม่มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทั้งหมด รวมไปถึงการไปบวชโยคีของปอและโรเบิร์ต
นอกจากพฤติกรรมของคนบนเรือแล้ว กระแสสังคมยังตั้งคำถามถึงการทำคดีของตำรวจที่ถูกมองว่าหละหลวม ทำให้เกิดกระแสดราม่ามากมาย และมีนักสืบโซเชียลต่างพากันตรวจสอบขุดคุ้ยเพื่อช่วยหาหลักฐานในคดีนี้ โดยเฉพาะที่มีการระบุว่าชุดบอดี้สูท และทำท่าดังกล่าวก็ไม่สามารถทำได้ การนำคลิปการดำน้ำของกระติกออกมาเผยแพร่หลังจากเจ้าตัวบอกกับแม่แตงโมว่าว่ายน้ำไม่เป็น การตั้งข้อสังเกตเรื่องไฟบนสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นฉากหลังภาพถ่ายสุดท้ายของกระติกและแตงโม ที่ระบุเวลา 21.56 น. ขณะที่เวลาปิดไฟของสะพานพระราม 8 คือ 21.00 น. จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการเซตเวลาบนโทรศัพท์เพื่อสร้างหลักฐานเวลาหรือไม่
นักสืบโซเชียลได้ชี้พิรุธเรื่องรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำตามร่างกายของ ปอ แซน รวมถึงเสื้อของจ๊อบ ว่ามีรอยขาด จนนำไปสู่การเปลี่ยนเสื้อโชว์ของจ๊อบว่าเสื้อตัวนี้ไม่มีรอยขาด ปรากฏว่าตอนถอดเสื้อนักข่าวเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่และรอยขีดข่วนตามตัว รวมถึงมีการตั้งข้อสงสัยเรื่องสภาพศพของแตงโม โดยเฉพาะบาดแผลที่ต้นขาด้านใน รวมถึงสภาพศีรษะ กะโหล จนทำให้ทางสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ชี้แจงการผ่าชันสูตรศพแตงโมให้แม่และทนายความทราบอย่างละเอียด ทำให้ครอบครัวพอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังติดใจสงสัยอีก 11 ประเด็น ทนายความจึงมีการยื่นเรื่องต่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขอให้มีการชันสูตรแตงโมเป็นครั้งที่ 2 และมีการแถลงผลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผลปรากฏว่าผลการชันสูตรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่เปิดเผยข้อมูลให้สื่อได้ทราบเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น ไม่พบบาดแผลที่ ศีรษะ สภาพใบหน้าของศพเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามสภาพของศพหลังการตายได้ ที่อาจเกิดจากอากาศ ความดัน ไม่พบว่ามีการรัดคอ แผลที่ขา เล็บมือ ได้ตรวจซ้ำอีกครั้งว่ามีการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายหรือไม่ แผ่นหลังไม่พบบาดแผล หลอดลม อวัยวะเพศ ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบ 2 ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่น ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในการตรวจสอบพบบาดแผลทั้งหมด 22 จุด แต่โดยรวมไม่ต่างจากรอบแรก คือไม่พบบาดแผลที่ศีรษะ ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์
พี่ชาย “แตงโม” เปิดภาพน้องสาวในวัยเด็ก
ล่าสุดเมื่อวานนี้ “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาทวงความยุติธรรมให้กับน้องสาว และติดตามความคืบหน้าในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Dayos Dechjob ด้วยการเปิดภาพที่หาดูยาก และไม่เคยโพสต์ลงที่ไหนมาก่อน นั่นคือภาพ “แตงโม” ในวัยเด็ก ขณะที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน มีรอยยิ้มสดใส แต่ไม่มีเขียนแคปชั่นอะไร มีเพียงใส่อิโมจิรูป (หัวใจสีแดง และแตงโม) เท่านั้น บ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกว่า “คิดถึงแตงโม” น้องสาว เสมอนั่นเอง
โพสต์ล่าสุดต่อมา “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ที่คิดถึงน้องสาวมากๆ ได้เดินทางไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณจุดที่พบร่างไร้วิญญาณของน้องสาวลอยขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมเช็กอิน “ท่าน้ำพิบูลสงคราม 1” กับใส่อิโมจิ (ตัวเศร้าร้องไห้) รวมไปถึงยังได้โพสต์คลิปภาพงานอาลัย “แตงโม” และคลิป “แตงโม” น้องสาว ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย