กรุงเทพฯ 21 เม.ย.- ทนายษิทรา เผยเหยื่อรายแรกอายุ 18 ปี ของอดีตรองหัวหน้าพรรค เริ่มขาดการติดต่อ หลังมีตำรวจยศ พล.ต.ต.โผล่เจรจา และพรุ่งนี้จะยื่นหนังสือต่อ ผบช.น. ตรวจสอบอดีตตำรวจนายนี้ว่ามีการแทรกแซงคดีหรือไม่
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์เช้าวันนี้ว่า คดีแรกคือคดีของเหยื่อราย 18 ปี ที่พาเข้าแจ้งความดำเนินคดี เป็นคดีสำคัญ มีโอกาส 80-90 เปอร์เซนต์ ที่จะสามารถเอาผิดอดีตรองหัวหน้าพรรคได้ แต่ตอนนี้แม่ของเหยื่อเริ่มไม่คุย ไม่ให้ความร่วมมือกับตนเองแล้ว ถามอะไร หรือขออะไรไป ก็จะอ้างว่า ขอถามคุณลุงก่อน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำในทางคดี ซึ่งคุณลุงที่แม่ของเหยื่อพูดถึงเป็นอดีตตำรวจระดับนายพล และเป็นอดีตผู้บังคับการจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันตก ปัจจุบันเกษียณอายุราชแล้ว อดีตตำรวจคนนี้มีความเกี่ยวข้องรู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดี มีการอ้างผู้ใหญ่ในพรรคสามารถช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
วันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) ตนเองอาจจะไปยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบอดีตตำรวจนายนี้ว่ามีการแทรกแซงคดีหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ที่มีการพูดคุยกับเหยื่อ และมีการยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือไม่ โดยจะขอให้ตรวจสอบในทางลับด้วย
ส่วนเรื่องสร้างเหยื่อปลอม ทนายตั้มบอกว่าวันก่อนมีผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือ และมีความสนิทสนมกับหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่งโทรมาเตือนว่า เรื่องนี้อาจเป็นเกมการเมือง ตนเองจึงคิดว่าถ้าเป็นเกมการเมือง เพื่อดิสเครดิต เอาเหยื่อปลอมที่สร้างขึ้นมา มาทำลายความชอบธรรมของคนื่น ตนเองจึงต้องพูดกันไว้ก่อน ว่ารู้ทันนะ เชื่อว่าเหยื่อ 15 คนแรกที่เป็นคดีเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำจริง ไม่ได้มีการสร้างขึ้นมา
เมื่อวานทนายษิทรา โพสต์เฟซบุ๊กเล่าว่า ผู้เสียหายเป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี โดยเหตุเกิดที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้โทรมาเล่าว่า รู้จักกับนักการเมืองที่ประเทศอังกฤษขณะนั้นน้องเรียนปริญญาโท นักการเมืองคนนี้ฝึกงานที่ Bank of England และหลอกล่อว่าสามารถพูดคุยกับผู้บริหาร เพื่อให้น้องมาทำงานที่ธนาคารแห่งนี้ได้ หลังจากนั้นก็ได้มีการโทรคุยกันหลายครั้ง และได้มีการนัดหมายให้มาพบที่อพาร์ตเม้น ใกล้ Hyde Park เมื่อไปถึงปรากฎว่าไม่มีคนอยู่ จู่ๆนักการเมืองหื่นก็เข้ามาทำร้ายร่างกาย ลวนลาม และข่มขืน น้องสู้ไม่ได้ กรี้ดดังเท่าไหร่ก็ไม่มีคนได้ยิน
เคสนี้มีการแจ้งความแล้ว หลังจากน้องแจ้งความ มีหญิงไทยผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอังกฤษ ทั้งโทร ทั้งมาหาน้องที่ทำงาน ข่มขู่ให้น้องยุติการดำเนินคดี น้องปรึกษากับทางบ้าน กลัวแม่ที่อยู่เมืองไทยจะไม่ได้รับความปลอดภัย กลัวหลายๆ อย่างเพราะนักการเมืองคนนี้มีคอนเนคชั่นในสถานทูตเยอะมาก ในที่สุดน้องยุติการดำเนินคดีไว้ก่อน (ตามกฎหมายอังกฤษสามารถกลับมาดำเนินคดีได้) ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย และจิตใจที่ย่ำแย่
น้องทราบว่านอกจากน้องยังมีผู้เสียหายอายุ 18 ปีอีกคน ไม่แน่ใจว่าชาติไหนแต่น่าจะเป็นคนเอเชีย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ Ealing Police Station เก็บหลักฐานทั้งเสื้อผ้า กล้อง CCTV ไว้ทั้งหมด หลังเกิดเหตุน้องเล่าให้ฟังว่า น้องดิ่งมาก ครอบครัวเสียใจอย่างหนัก น้องถึงขนาดตัดผม โกนหัว น้ำหนักลดฮวบ เพราะอยากจะเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด ไม่อยากเป็นคนเดิมอีกแล้ว น้องต้องลาออกจากงาน ย้ายเมืองไปอยู่ที่อื่น
แต่วันนี้น้องเห็นคนไทยหลายคนที่ร่วมชะตากรรมกล้าออกมาสู้ น้องจะไปตรวจสอบว่ากล้อง CCTV กับเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุยังอยู่ไหม ถ้าอยู่น้องพร้อมเริ่มนับหนึ่งดำเนินคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง!!
ส่วนความคืบหน้าคดีพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าสำหรับเคสใหม่ 9 เคสที่เข้ามาแจ้งความนั้น ชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบคัดแยกว่า คดีใดที่ยังอยู่ในอายุความ คดีใดหมดอายุความ ซึ่งคดีหมดอายุความจะมีการพิจารณาให้ผู้เสียหายไปเป็นพยานในการสืบสวนคดี แต่เคสที่ทนายษิทรา บอกว่าเป็นรายที่ 15 ตรวจสอบไปที่ สน.ลุมพินี ยังไม่พบว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่ม ส่วนผู้ต้องหาจากเคสก่อนหน้า ตรวจสอบแล้วยังไม่พบพฤติการณ์ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือมีพฤติการณ์หลบหนี ทำให้ไม่ได้ไปยื่นต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว.-สำนักข่าวไทย