กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – รอง ผบ.ตร. ย้ำเตือนอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทางสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้ตั้งสติ รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด นำข้อมูลปรึกษาตำรวจ
กรณี น.ส.กิ๊บ (ขอสงวนชื่อสกุลจริง) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานเบอร์โทรศัพท์มือถือและข้อความแชทผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.นางรอง หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพ ทั้งโทรศัพท์และส่งข้อความทางไลน์มาข่มขู่ กล่าวหาว่าขับรถฝ่าไฟแดง และหนีด่านที่ สภ.เมืองชลบุรี ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยเดินทางไป จ.ชลบุรี อีกทั้งยังหลอกว่า มีชื่อพัวพันกับคดีฟอกเงิน ต้องส่งเอกสารส่วนตัวและบัญชีธนาคารที่มีอยู่ทั้งหมดให้ตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือศูนย์ PCT กล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามสืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิด แต่ขอให้ประชาชนที่เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าว หรือมีกรณีดังกล่าว ให้ตั้งสติก่อนทุกครั้ง และไตร่ตรองให้ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการติดต่อผู้เสียหายทาง LINE หรือทางโทรศัพท์ รวมถึงการซื้อสินค้าทางออนไลน์ หรือเข้าไปกดแชร์ กดไลค์ ขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจน ก่อนจะดำเนินการอะไรก็ตาม ต้องหาข้อมูลก่อนทุกครั้ง อย่าเชื่ออะไรเด็ดขาด เพราะอาชญากรรมไซเบอร์มีรูปแบบก่อเหตุหลายรูปแบบ เพื่อหลอกเหยื่อ
จากสถิติคดีทางออนไลน์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ (1 มี.ค.65) ถึงปัจจุบัน พบว่า มีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 13,015 ราย แบ่งเป็น 1. ความผิดเกี่ยวกับการซื้อสินค้าที่ไม่ได้รับสินค้า 4,271 คดี 2. หลอกทำภารกิจ (เช่น ให้รีวิวสินค้า, กดไลค์ TikTok, กดไลค์สินค้า) 1,443 คดี 3. หลอกให้กู้เงิน 1,356 คดี 4. ทำให้รักแล้วหลอกลงทุน (Hybrid scam) 1,123 คดี 5. Call Center 1,109 คดี 6. แชร์ลูกโซ่ 510 คดี 7. หลอกยืมเงิน 468 คดี 8. ซื้อสินค้าแต่ได้ไม่ตรงปก 189 คดี และ 9. หลอกลวงรูปแบบอื่นๆ อีก 1,688 คดี
ดังนั้น ถ้าเกิดขึ้นให้รีบโทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือศูนย์แจ้งความออนไลน์ ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com หรือติดต่อศูนย์ PCT 081-8663000 หรือสายด่วน บช.สอท. 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและครบวงจร ตลอดจนสร้างการรับรู้ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการในเรื่องนี้ตั้งแต่มารับตำแหน่ง ผบ.ตร.ช่วงแรกๆ และได้เน้นย้ำว่า การสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หรือ Cyber Vaccine ต้องทันต่อรูปแบบของอาชญากรรมที่เปลี่ยนไปด้วย
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งคณะทำงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา โดยคณะทำงานจะเข้าไปบรรยายให้ความรู้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นเยาวชน เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนอย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆ เมื่อเงินยังอยู่กับเรา คิดก่อนโอน อย่าโอนไว อย่าโอนเงินให้กับคนที่ไม่รู้จัก อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทางสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้ตั้งสติ รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด. – สำนักข่าวไทย