“กระติก” โดนอีกข้อหา ทำลายพยานหลักฐาน

กทม. 12 เม.ย.-ไม่รอด! “กระติก” โดนอีกข้อหา ทำลายพยานหลักฐาน หลังลบภาพล่องเรือในมือถือ ขณะที่ “กระติก” ยันทุกอย่างที่เคยพูดเรื่องล่องเรือเป็นเรื่องจริง 100% เตรียมดำเนินคดีคนหมิ่นประมาท

นางสาวอิศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก 1 ใน 5 คนที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ทที่ดาราสาวแตงโมเสียชีวิต พร้อมนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความ ได้เดินทางไปที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่ม ในข้อหาทำลายพยานหลักฐาน


ภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา นาน 2 ชั่วโมง ทนายความของ “กระติก” ได้ออกมาเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนมีการระบุว่า “กระติก” มีการลบภาพในโทรศัพท์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ถ่ายไว้ขณะล่องเรือ ซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่ารูปที่ถ่ายเป็นเรื่องปกติหากรูปไหนไม่สวย ไม่โอเคก็จะลบทิ้ง ซึ่งไม่มีอะไร

นอกจากนี้ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เพื่อฟ้องต่อศาลดำเนินคดีบุคคลที่หมิ่นประมาท ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นพาดพิง หรือโพสต์โซเชียลให้เกิดการกล่าวให้ร้าย ให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังต่อ “กระติก” เช่น นายสันธนะ ประยูรรัตน์, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นต้น


ด้าน “กระติก” เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง รูปไหนที่เบลอก็ลบทิ้ง ถ่ายไปลบไป จำจำนวนไม่ได้ เป็นรูปที่ถ่ายบนเรือ และรูปหลังการเสียชีวิตของแตงโม เป็นรูปที่หลากหลาย ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญ ส่วนรูปที่เป็นพยานหลักฐานก็ยังอยู่ครบหมด ไม่ได้มีรูปเกี่ยวกับการทิ้งขวดไวน์แต่อย่างใด ทั้งนี้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่รู้สึกกังวลอะไร เราไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาพูดมา ทุกอย่างที่เคยพูดเรื่องล่องเรือเป็นเรื่องจริง 100%

ส่วนที่นายสันธนะ มีการกล่าวหาตนรับงานแล้วพา “แตงโม” ไป ก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เราแค่ไปเที่ยวเล่นกันไม่ได้มีการไปทำเรื่องอื่นตามที่ถูกกล่าวอ้าง ทุกอย่างตนเองก็เคยเปิดเผยอธิบายในรายการโทรทัศน์ไปหมดแล้ว อยู่ที่แต่ละคนจะใช้วิจารณญาณแบบไหน อะไรที่ไม่จริงที่มากล่าวหาเราก็จะฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งก็ไม่ต้องการให้เค้าทำแบบนี้กับใคร ผิดจากความเป็นจริงเยอะมาก พูดอะไรที่ไม่ใช่ความจริงๆ ทำให้ตนเองและเพื่อนเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน ไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไรมีจุดประสงค์อะไร ที่ทำให้สังคมมาต่อว่าตนเอง แล้วทำให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งก็เตรียมฟ้องกลับแล้ว

ขณะนี้สภาพจิตใจขณะนี้ก็ดีขึ้นตามลำดับ เวลาก็ได้เยียวยา ส่วนคนบนเรือหลังให้การเรื่องการทิ้งขวดไวน์ก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องคดีกันอีก พูดคุยแซวกันเรื่องนักข่าว พร้อมตัดพ้อบางสิ่งที่พูดไป แต่กลับถูกตัดแค่บางท่อนเป็นผลเสียกับตนเอง ส่วนเรื่องกรมธรรม์ลูกสาวที่ “แตงโม” ทำให้นั้น ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง