กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – ตำรวจกองปราบฯ เดินหน้าสอบสวนคดียักยอกเงินวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ทั้งเส้นทางการเงินและพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต
ความคืบหน้าการสอบสวนคดีบุคคลใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ยักยอกเงินวัดบวรฯ และวัดสาขาทั้งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ตราด กว่า 200 ล้านบาท หลังจากเมื่อวานนี้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ลงพื้นที่หนึ่งในวัดสาขาที่ จ.ตราด คือ วัดรัตนวราราม อ.บ่อไร่ เพื่อสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน และวันนี้ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้นัดประชุมเพื่อประเมินความคืบหน้าที่กองบังคับการปราบปราม แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์
มีรายงานว่าชุดคลี่คลายคดีเตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งพฤติการณ์ของบุคคลใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมแอบอ้างชื่อสมเด็จพระวันรัตจริงหรือไม่ นอกจากนี้มีรายงานว่าพบหลักฐานสำคัญในเส้นทางการเงินของนายเนย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2565 นายเนยได้มีการโอนเงินจากบัญชีวัดรัตนวราราม และวัดคีรีวิหาร จ.ตราด เข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 32 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่โอนจากวัดรัตนวราราม 20 ล้านบาท และเงินที่โอนมาจากวัดคีรีวิหาร 12 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อตามหายอดเงินส่วนที่เหลือ
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้เตรียมขยายผลตรวจสอบข้อมูลการเบิกถอนเงินจากบัญชี หรือการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ของวัดทั้ง 2 แห่งอย่างละเอียด เนื่องจากพบความผิดปกติบางอย่าง หลังพบว่าเงินของวัดบางส่วนถูกโอนเข้าสู่บัญชีของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่มีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต เช่นเดียวกับนายเนย และอยู่ในกลุ่มของคณะลูกศิษย์จากส่วนกลางที่เข้ามาบริหารเงินของวัดทั้ง 2 แห่ง ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวถูกเบิกถอนไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตเงินของวัดร่วมกับนายเนยหรือไม่ หากพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือทุจริตเงินของวัดจริง อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลดังกล่าวด้วย.-สำนักข่าวไทย