กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – “รสนา โตสิตระกูล-นิติธร ล้ำเหลือ” ยื่น 11 ปมสงสัยคดี “แตงโม” เสียชีวิตให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
น.ส.รสนา โตสิตระกูล พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เข้ายื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เพื่อให้รับคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม เป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง
น.ส.รสนา กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้มีข้อสงสัยในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ กรณีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งมีการดำเนินคดีไปในข้อหา “ประมาท” หรือ “อุบัติเหตุ” แต่พฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณะบ่งชี้ว่า เป็นคดีที่อาจมีลักษณะเป็นการฆาตกรรมอำพรางโดยมีขบวนการของผู้มีอิทธิพล และมีกระบวนการทำลายพยานหลักฐาน จัดทำหลักฐานใหม่ และอาจมีการเบี่ยงเบนประเด็นผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน ผลการตรวจทางนิติเวช และนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจเกิดจากผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง โดยมีประเด็นข้อสังเกต 11 ประเด็น 1.การดำเนินการเปลี่ยนสถานที่ชันสูตรศพโดยกะทันหัน รวมถึงการให้ดำนินการเอาศพกลับมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
2.การดำเนินการในการเข้าถึง รวบรวม อายัด ตรวจพยานหลักฐานตั้งแต่เริ่มต้น ไม่เป็นไปโดยฉับพลันทันที อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานได้ 3.ความล่าช้าในการดำเนินการเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ต้องสงสัย ผู้อยู่ในความควบคุมกำกับดูแลของพนักงานสอบสวน ทำให้เสียโอกาสในการตรวจสภาพร่างกาย เครื่องแต่งกาย ร่องรอยต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจหาแอลกอฮอล์ และสารเสพติด 4.แนวทางการตั้งประเด็นสืบสวนสอบสวนปรากฏตามสื่อมวลชนช่วงแรกว่า เป็นเรื่องประมาท-อุบัติเหตุเป็นการตั้งประเด็นที่คับแคบ มีผลต่อการสอบปากคำ การค้นหาพยานหลักฐาน พยานแวดล้อม พฤติการณ์ต่าง ๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องคับแคบตามไปด้วย ทั้งที่สภาพของศพปรากฏร่องรอยบาดแผลอยู่หลายแห่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคในการช่วยชีวิตตัวเองในน้ำ
5.ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อมูลชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตตกไปในน้ำได้อย่างไร และทำไมถึงไม่สามารถประคองตัวเองให้อยู่ในน้ำได้แม้ชั่วขณะเวลาหนึ่ง อันจะมีผลให้มีการช่วยเหลือได้ทันเวลา 6.ประเด็นไม่ชัดเจนว่า ขณะที่ตกในน้ำผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาวะหมดสติหรือไม่ 7.ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีการตรวจพื้นดินใต้น้ำตรงบริเวณที่อ้างว่าตกน้ำและบริเวณที่พบศพหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ว่า เศษวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายของผู้เสียชีวิตมีลักษณะตรงกันหรือไม่ 8.การตรวจโรงเก็บเรือมีการตรวจโดยละเอียดหรือไม่ มีการเคลื่อนย้าย ถอดถอน กล้องวงจรปิดหรือไม่ มีการทำผนัง ทาสีใหม่หรือไม่
9.การตรวจสอบรายละเอียดถึงต้นทางและศูนย์เก็บข้อมูลเครื่องมือสื่อสารทุกประเภทของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งหมายเลขโทรศัพท์ ข้อความในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด GPS รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขอื่น ๆ ที่บริเวณที่เกิดเหตุ บริเวณท่าเรือ โรงเก็บเรือ ว่ามีผู้ใดใช้เครื่องมือสื่อสารในช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ โดยตรวจจากเครือข่าย และจุดเชื่อมต่อสัญญาณ จุดส่งสัญญาณ รายละเอียดภาพถ่ายจากเครื่องมือสื่อสาร 10.ปัจจุบันยังไม่มีการอายัดเพื่อดำเนินการตรวจเรือในลักษณะที่เป็นประเภท ชนิดเดียวกัน หรือคล้ายคลึง หรือใกล้เคียงกัน เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ รวมทั้งเรือ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงสภาพฯ 11.สภาพการสืบสวนสอบสวนโดยเจ้าพนักงานสีบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เสมือนอยู่ในลักษณะที่ไม่อาจคันหาความจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนยากต่อการยอมรับการให้ความเชื่อมั่น
น.ส.รสนา ระบุว่า การเสียชีวิตของแตงโมเป็นเรื่องที่สังคมเกิดความกังวลและสงสัยต้องการที่จะให้มีการพิสูจน์ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถือว่ากรณีนี้กระทบต่อความปลอดภัยของผู้หญิง ที่อาจจะเป็นผู้ที่ถูกกระทำมากที่สุดในสังคมไทย จึงได้นำหนังสือมายื่นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษขอให้มีการนำข้อร้องเรียนและประเด็นสงสัยเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อรับเป็นคดีพิเศษก่อนที่หลักฐานพยานวัตถุทั้งหลายจะสูญหาย
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า มีข้อสงสัยในหลายประเด็น โดยเฉพาะบาดแผลหลายแห่ง รวมทั้งร่องรอยต่าง ๆ ที่พบบนร่างของผู้เสียชีวิต เกิดก่อนหรือหลังตกน้ำ ขณะที่จมน้ำบุคคลบนเรือมีการช่วยเหลือแตงโมหรือไม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การไม่ช่วยถือว่าเล็งเห็นผลทำให้เสียชีวิต ข้อหาอาจเปลี่ยนไป ต้องทำให้ละเอียด ซึ่งข้อสงสัยดังกล่าวต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานการสืบสวนสอบสวนที่ว่า “กรณีพบผู้เสียชีวิตในน้ำให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า การจมน้ำอาจไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว และสถานที่ จุดที่พบผู้เสียชีวิตอาจไม่ใช่สถานที่ จุดที่เกิดเหตุเสมอไป รวมทั้งจะต้องตรวจใต้พื้นน้ำว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่
พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรณีนี้อยู่นอกเหนือจากความผิดตามพระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ จะต้องเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ พิจารณา ต้องมีกระบวนการรับเรื่องไว้สืบสวนในเบื้องต้นก่อน หลังจากคณะกรรมการคดีพิเศษจะพิจารณาว่าสมควรจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจะได้นำประเด็นที่ทางผู้ร้องตั้งไว้นำมาพิจารณาซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากซับซ้อนเพราะฉะนั้น ต้องรอคณะกรรมการคดีพิเศษที่จะพิจารณาว่าสมควรให้ดีเอสไอทำหรือไม่.- สำนักข่าวไทย