“หมอพรทิพย์” เชื่อ “แตงโม” ไม่ได้ถูกทำร้าย

กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – “หมอพรทิพย์” ชี้ทีมแพทย์ชุดแรกชันสูตรศพ “แตงโม” ค่อนข้างสมบูรณ์ เชื่อ “แตงโม” ไม่ได้ถูกทำร้าย


พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ของวุฒิสภา เปิดเผยว่า จะรายงานคณะกรรมาธิการฯ ถึงการได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพของ “แตงโม” ซึ่งแพทย์นิติเวชชุดแรกได้ทำการตรวจที่ค่อนข้างสมบูรณ์

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า แผลที่เกิดก่อนการเสียชีวิตจะมีการหารือพูดคุยในกรรมาธิการ เนื่องจากแพทย์ยืนยันว่าเป็นแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต โดยประเด็นที่จะต้องยืนยันคือเกิดขึ้นก่อนตกน้ำหรือเกิดขึ้นหลังจากที่ตกน้ำไปแล้ว โดยปล่อยให้เป็นกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ


สำหรับกรณีที่มีทนายความคนหนึ่งโพสต์คลิปว่าพบหยดเลือดหรือก้อนเลือดในแผล ที่อาจทำให้คดีพลิก ชี้แจงว่าอาจเป็นเพราะการรับฟังข้อมูลที่ส่งต่อกันมาแล้วเกิดความคลาดเคลื่อน

เสนอนำ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ
ขณะที่วันนี้ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีการเสียชีวิตของแตงโม ทั้ง พ.ต.อ.อดิศร บุญประทีป ผู้กำกับการสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี, พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุกสิก ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, พ.ต.อ.อุดมศักดิ์ พาลี พิสูจน์หลักฐานตำรวจในที่เกิดเหตุ, พ.ต.ท.ทศพร ทับทิม สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักบัณฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี รวมถึง “เต๊ะ” ศตวรรษ เศรษฐกร ดาราซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแตงโม ร่วมให้ข้อมูลในฐานะตัวแทนของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของแตงโม ซึ่งการประชุมวันนี้กรรมาธิการไม่ให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ เนื่องจากข้อมูลหลายอย่างกำลังอยู่ในสำนวนคดี

หลังใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการ พร้อมด้วยกรรมาธิการ ได้แถลงร่วมกับเต๊ะ ศตวรรษ โดยนายสมชาย กล่าวว่า วันนี้กรรมาธิการฯ ได้รับผลผ่าพิสูจน์ศพของแตงโมแล้วทั้ง 2 ครั้ง ส่วนใหญ่ผลการตรวจสอบครั้งที่ 1 และ 2 ใกล้เคียงกัน ไม่พบร่องรอยของการถูกทุบศีรษะและฟันไม่หัก ส่วนแผลที่ขาเกิดก่อนเสียชีวิต กำลังรอผลตรวจชิ้นเนื้อว่าโดนอะไร


ส่วนการให้ข้อมูลของฝ่ายตำรวจ กรรมาธิการฯ พบว่าการสอบปากคำยังไม่ครอบคลุม การให้การขัดกันหลายอย่าง จึงฝากให้ตำรวจนำคนบนเรือทั้ง 5 คนเข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมเตือนคนบนเรือที่ให้การไม่ตรงกันว่าบางคนตอนนี้อาจยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่การให้การที่ไม่ถูกต้องถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ตอนนี้ปรากฏภาพชัดเจนว่าหลังเกิดเหตุมีการประชุมกันที่ท่าเรือ NBC ซึ่งไม่ทราบว่าตกใจ หรือไปหาเพื่อนที่ตกน้ำ แต่ที่แน่ๆ มีการเตรียมการและประชุมกัน จึงตั้งข้อสังเกตว่าไปประชุมเพื่ออะไร เพื่อนัดแนะกันว่าตกแบบไหนหรือไม่ ระยะหนึ่งความจริงมันจะปรากฏ

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯ คิดว่ายังต้องตรวจพิสูจน์ชุดที่แตงโมสวมใส่เพิ่มเติม เพราะตั้งประเด็นไว้ว่ามีการทำร้ายร่างกาย จึงต้องพิสูจน์ว่ามีคราบเลือดหรือไม่ รวมถึงการเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนหรือหลังตกเรือ ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานรับไปดำเนินการต่อ พร้อมขอฝากประชาสัมพันธ์ เพราะผ้าคลุมสีขาวที่ทำเป็นกระโปรงหายไป หากใครพบเห็นให้แจ้ง สภ.เมืองนนทบุรี

ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียช่วยกันหาพยานหลักฐานในคดีนี้ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นได้ทั้งสองแง่มุม 1.อาจจะทำให้คดีรัดกุมมากขึ้น หรือ 2.อาจจะทำให้คดีขยายผลจนไม่จบ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และควรจะตรวจสอบได้จากนิติวิทยาศาสตร์และการสอบสวน

ด้านเต๊ะ ศตวรรษ ในฐานะตัวแทนของครอบครัวแตงโม เห็นด้วยกับข้อเสนอของกรรมาธิการฯ ที่ขอให้ใช้เครื่องจับเท็จคนบนเรือทั้ง 5 คน เพราะเชื่อว่าคดีนี้มีความซับซ้อน เพราะติดกระดุมผิดมาตั้งแต่ต้น จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จึงเป็นไปได้ที่ทำให้ผู้คนสงสัย

เต๊ะ ศตวรรษ กล่าวถึงการร่วมสังเกตการณ์ผ่าร่างแตงโมรอบ 2 ว่าได้เห็นถึงนัยสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะบาดแผลที่มีเพิ่มเติมเข้ามา แต่ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญว่ามีที่มาอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ขอร้องชาวโซเชียลอย่าตัดต่อหรือสร้างหลักฐานใดๆ เพื่อความสนุก หรือทำเพื่อต้องการยอดไลค์ ยอดวิว เพราะทำให้คนทำงานเหนื่อย เกิดความสับสน

ตัวแทนแฟนคลับแตงโม ร้องกระทรวงยุติธรรม
ด้านความเคลื่อนไหวของแฟนคลับ วันนี้ตัวแทนกลุ่มแฟนคลับ “แตงโม” โดยใช้ชื่อกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อว่า “คดีแตงโม ต้องได้รับความยุติธรรม” เข้ายื่นหนังสือต่อ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องขอความยุติธรรมให้ “แตงโม” ในฐานะกลุ่มประชาชน เพราะ “แตงโม” คือคนของประชาชน จะทำการเรียกร้องไปจนกว่าคดีจะได้รับความยุติธรรม โดยมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ที่ประกอบด้วย 1.ไม่บิดเบือนความจริง ทั้งผลชันสูตร และการทำคดี 2.แตงโมเป็นคนของประชาชน ประชาชนต้องมีสิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม 3.ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ละเว้น หรือเลือกปฏิบัติ ไม่ว่ารวยหรือจน

4.ทุกโซเชียลและบุคคลที่รักแตงโม ต้องมีสิทธิในการคิดวิเคราะห์คดี หรือช่วยกันหาหลักฐาน ข่าวสารที่ประชาชนให้ไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ให้ได้ว่าจริงหรือไม่ และต้องไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับพลเมืองดีที่ให้ความช่วยเหลือในการให้ข้อมูล 5.ไม่ต้องการให้ผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจอยู่เหนือกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม

โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแทน พร้อมเปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้ทุกคดีประชาชนต้องเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ให้เกิดความกระจ่างสู่สังคม ยืนยันว่าประชาชนทุกระดับไม่ว่าจะรวยหรือจน เมื่อได้รับความเดือดร้อนขอให้มั่นใจว่าเราจะไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน ทั้งนี้ อยากให้มั่นใจไม่มีเรื่องผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องแทรกแซงได้

ส่วนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะรวบรวมหลักฐาน หากเกรงผู้มีอิทธิพลจะมาเกี่ยวข้องก็จะมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบอยู่แล้ว อีกทั้งกรณีสื่อออนไลน์ต่างๆ พบว่าผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็จะถูกดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย