รอง ผบ.ตร.ยันกรณี​แก๊งชาวจีน​ลักพาตัวหญิงไทย​เป็นเรื่องลวงโลก

กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – รอง ผบ.ตร. ยืนยันกรณี​แก๊งชาวจีนในประเทศกัมพูชา​ลักพาตัวหญิงชาวไทยไปถ่ายเลือด​เพื่อนำไปขายในประเทศจีน ​เป็นเรื่องลวงโลก​ รับสารภาพ​สร้างเรื่องหวังได้กลับประเทศเร็วขึ้น


พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย​ พล.ต.อ.วรรณวีระ สม​ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ประเทศกัมพูชา​ และ​ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.​ แถลงผลการสอบสวนกรณีหญิงไทย​ 1​ ใน​ 8​ ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งชาวจีนล่อลวงไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์​ในประเทศกัมพูชา​ ​อ้างถูกหัวหน้ากระบวนการชาวจีนทำร้ายร่างกาย​ กักขัง​หน่วงเหนี่ยว​ และถูกอุ้มไปถ่ายเลือด​เพื่อนำไปขายในประเทศจีน ​ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงทั้ง​ 3​ ประเทศ คือ ไทย จีน กัมพูชา​ อย่างมาก​

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า​ หลังตำรวจไทยและกัมพูชา​เข้าช่วยเหลือ น.ส.อารียา​ คมกระโทก อายุ​ 25​ ปี​ พร้อมคนไทยอีก 7 คน กลับมาได้ทำการสอบสวนนางสาวอารียา พบให้การมีพิรุธ น่าสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น ระหว่างการกักตัว​ 14​ วัน ตาม​มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด​ของโควิด เจ้าหน้าที่​ศูนย์พิทักษ์​เด็ก​ สตรี​ ครอบครัว​ ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์​ และภาคประมง​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (ศพดส.ตร.) ​ได้สอบปากคำนางสาวอารียาจนยอมรับสารภาพ​ว่าสร้างเรื่องขึ้นมา หวังให้ตำรวจช่วยเหลือกลับมาอยู่กับแฟนสาว


น.ส.​อารียา​ ให้การว่า ตนกับแฟนได้สาวเดินทางไปทำงานที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว โดยทำงานหลอกคนไทยให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง ก่อนที่ตนจะแยกกับแฟน ย้ายไปทำงานอีกจุดหนึ่งในเมืองปอยเปต ด้วยความเป็นห่วงแฟนสาวจึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งไทยให้เข้าช่วยเหลือแฟน​และพากลับไทย เมื่อแฟนสาวได้รับการช่วยเหลือกลับไทย จึงอยากกลับบ้าง​ ประกอบกับหัวหน้าขบวนการชาวจีน​รู้ว่าตนเป็นคนส่งข้อมูล​ให้ตำรวจเข้าช่วยเหลือ​แฟนสาวกับคนไทยคนอื่นๆ จึงข่มขู่ว่าจะปิดเส้นทางกลับไทย และจะออกตามล่านำตัวกลับไปทำร้าย ด้วยความกลัวจึงตัดสินในวางแผน​สร้างเรื่องเพื่อหวังให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ก่อนถูกจับได้​

โดยการสร้างตัวละครหญิงไทยชื่อเนม และ​เปิดเฟซบุ๊กในนามหญิงคนดังกล่าว แชทคุยกับแฟนสาว ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยเข้าช่วยเหลือ จนสามารถออกมาได้ดังกล่าวตามที่วาง​แผนไว้ ยืนยันไม่มีเจตนาสร้างความเสียหายให้เกิดผลกระทบต่อทั้ง 3​ ประเทศ​ เจตนาเดียวคือได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่ามีคนไทยที่ถูกบังคับใช้แรงงาน​โดยแก๊ง​ชาวจีน ทั้งทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์​และเว็บพนัน ในเมืองปอยเปต​ ประเทศกัมพูชา ​ไม่ต่ำกว่า​ 2​,000 คน​

ด้าน พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ​ระบุว่า สาเหตุที่ตนไม่เชื่อข้อมูลที่นางสาวอารียาอ้างว่าถูกจับตัวถ่ายเลือดตั้งแต่แรกเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีกรณีชาวจีนซึ่งเป็นนักธุรกิจ อาศัยในเมืองปอยเปตมานานกว่า 8 ปี แต่ระยะหลังติดการพนันอย่างหนักจนหมดตัว สร้างเรื่องถูกแก๊งเพื่อนร่วมชาติพาตัวไปทำร้ายและจับถ่ายเลือดส่งขายประเทศจีนมาแล้ว ซึ่งมีพลอตเรื่องเดียวกัน ประกอบกับหลังข่าวสารในโลกโซเชียลทั้งในกัมพูชาและประเทศไทย กระจายกันไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ รัฐบาลจีนเป็นกังวลกับเรื่องดังกล่าว จึงประสานทางการกัมพูชาเร่งประสานไทยสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ได้ความจริงโดยเร็ว


จากการสอบสวนนางสาวอารียายอมรับว่าทราบข่าวกรณีคนจีนสร้างเรื่องลวงโลกจึงนำมาใช้บ้าง ส่วนข้อมูลที่นางสาวอารียาระบุว่ามีคนไทยถูกบังคับใช้แรงงานกว่า​ 2,000 คนนั้นตนยังไม่เชื่อ​ เนื่องจากสถานการณ์​โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้เมืองปอยเปตเงียบมาก แต่ยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางเข้าประเทศจำนวนมาก​ และไม่สามารถติดตามตัวได้ และไม่ทราบที่อยู่ของคนกลุ่มนี้​ เพราะเข้าเมืองผิดกฎหมาย มาทราบอีกทีตอนขอความช่วยเหลือ​ อย่างไรก็ตาม แม้เกิดเหตุ​การณ์​ที่สร้างความเสียหายต่อประเทศ​ ทางการกัมพูชา​ยังคงยืนยันให้ความร่วมมือ​อย่างเต็มที่เพื่อให้การช่วยเหลือ​

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การกระทำของนางสาวอารียา​ สร้างความเสียหายในวงกว้าง​ มีผลกระทบต่อความมั่นคงและมีผลต่อความรู้สึกของประชาชนทั่วไป​ จึงต้องดำเนินการทางกฎหมาย ในความผิดฐาน “รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น​ แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด อัตราโทษสูงกว่าให้การเท็จ​ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท” พร้อมส่งตัวไปดำเนินคดียัง สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการร่วมมือ 2 ประเทศ​ ได้นำกลับประเทศแล้ว 700 คน พบว่า 400 คน ถูกหลอก​ แต่กว่า 200 คน เป็นผู้ร่วมขบวนการและสมัครใจไปทำงานในลักษณะ​นี้ ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย​ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.แรงงาน​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไป ต่อเนื่อง