fbpx

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อโอนเงินกว่า 14 ล้านบาท

บช.น. 16 มี.ค.- ตำรวจจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตํารวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.แหลมฉบัง และพนักงานบริษัทขนส่งเอกชน สร้างเรื่องหลอกผู้เสียหายโอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท โดยผู้ต้องหา 4 คน ที่จับกุมได้ทำหน้าที่เป็นคนเปิดบัญชีม้ารับโอนเงิน เร่งติดตามที่เหลืออีก 8 คน


พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ได้ผู้ต้องหา 4 คน คือ นายยงยุทธ อายุ 37 ปี, นายธีรพงศ์ อายุ 21 ปี, นางเพ็ญอนงค์ อายุ 61 ปี และ น.ส.นันทวัน อายุ 21 ปี

หลังกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้รับการประสานจากชุดสืบสวนสอบสวน สน.สำเหร่ ว่ามีผู้เสียหายมาแจ้งความเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 ว่าได้รับการติดต่อจากคนร้าย โดยอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัท ขนส่ง DHL สาขาแหลมฉบัง บอกว่ามีพัสดุที่ผู้เสียหายเป็นผู้ส่งไปยังประเทศจีนให้ชาวจีน พัสดุดังกล่าวถูกอายัดไว้ที่ศุลกากรสาขาแหลมฉบัง และขู่ว่าจะดำเนินคดี เนื่องจากพบหนังสือเดินทางปลอม 12 เล่ม, สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ 9 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม 9 ใบ นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายอย่างละเอียด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ผู้เสียหายก็ยังไม่ปักใจเชื่อ และปฏิเสธเรื่องดังกล่าวว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง


จากนั้นคนร้ายโอนสาย โดยอ้างว่าให้พูดคุยกับตำรวจยศพันตำรวจโท สังกัด สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งความ และให้ทาง สภ.แหลมฉบัง ตรวจสอบกล้องวงจรที่ DHL สาขาแหลมฉบัง แต่คนร้ายที่อ้างเป็นพันตำรวจโท กลับหลอกซ้ำว่าผู้เสียหายไปเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวจริง และมีประวัติเรื่องการฟอกเงิน เนื่องจากมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้การซัดทอด ซึ่งผู้เสียหายก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงถูกโอนสายผู้เสียหายไปหาคนร้ายอีก 1 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ยศพันตำรวจเอก โดยคนร้ายขอไอดีไลน์ของผู้เสียหาย และได้โทรไลน์มาหา และหลอกลวงผู้เสียหายว่า ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย ขอให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีธนาคารทั้งหมดไปให้ตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะโอนเงินคืนกลับมาให้ผู้เสียหายภายใน 1 วัน ผู้เสียหายหลงเชื่อและหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงโอนเงินไปเข้าบัญชีคนร้าย 14.7 ล้านบาท ภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากได้รับโทรศัพท์ แต่กลับไม่ได้เงินคืนตามเวลาที่กำหนด จึงเข้าแจ้งความ

ตํารวจชุดสืบสวนสอบสวนจึงสืบสวนขยายผล พบว่าแก็งคอลเซ็นเตอร์นี้มีผู้ร่วมกระทําความผิดจํานวน 12 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน สน.สําเหร่ ขอศาลออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน พร้อมทั้งยึดเงินคืนมาได้ 1.8 ล้านบาทเศษ และส่งคืนให้แก่ผู้เสียหาย ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คดีนี้จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดในแก๊งเป็นคนไทย มีการตั้งฐานการหลอกลวงอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ต้องหา 4 คนที่จับกุมได้ทำหน้าที่เป็นคนเปิดบัญชีม้ารับโอนเงินจากผู้เสียหายในชุดที่ 1 ซึ่งผู้เสียหายมีการโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายใน 5 ธนาคาร โดยเป็นลักษณะการโอนเงินเป็นก้อนมูลค่าไม่เท่ากัน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายรู้ตัวเร็วว่าถูกหลอกจึงรีบแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ แจ้งอายัดบัญชีดังกล่าวทั้ง 5 บัญชี แต่ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทั้งหมดพบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีส่งไปยังต่างประเทศแล้ว เหลือเพียง 1 บัญชี ที่ยังมีเงินค้างอยู่ จึงรีบทำเรื่องอายัดและนำเงินกลับมาคืนผู้เสียหายได้อย่างทันท่วงที


จากการตรวจสอบข้อมูลการหลอกลวงของคนร้ายและรายละเอียดต่างๆ เชื่อว่าเป็นกลุ่มแก๊งที่หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 8 คน ที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กต่าย” ยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก”

“บิ๊กต่าย” แถลงข่าวการจับยาเสพติด ยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ ส่วนปมหลอกนายกฯ ยืนยันเป็นตำรวจตัวเล็กจะไปทำกับผู้นำประเทศได้อย่างไร ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กระทบบริหารตำรวจทั่วประเทศ

ระทึกถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิดอีก

วิ่งหนีอลหม่าน! ถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิด ย่านตลาดสดเทศบาลนางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี คาดสาเหตุจากอากาศร้อนจัด

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว