เปิดภาพอาหารมื้อสุดท้ายของ “แตงโม”

กรุงเทพฯ 10 มี.ค. – เปิดภาพอาหารมื้อสุดท้ายของ “แตงโม ภัทรธิดา” นั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง ก่อนแตงโมจะลงเรือสปีดโบ๊ทและพลัดตกเรือเสียชีวิต


ภาพของ “แตงโม” ที่กำลังถูกแชร์ กับภาพอาหารมื้อสุดท้ายของแตงโม ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในภาพเห็นว่าแตงโมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง ก่อนจะไปขึ้นเรือและเกิดเหตุเศร้า แฟนๆ ที่เห็นต่างแสดงความคิดเห็นว่าเพื่อนๆ ในโต๊ะที่เป็นข่าวหายไปไหนกันหมดในเวลานั้น และหลายคนที่เห็นแล้วบอกว่าใจหาย สงสารแตงโมที่ไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นมื้อสุดท้ายของเธอ

ย้อนกลับไปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ วันนั้นแตงโม ไฮโซปอ โรเบิร์ต จ๊อบ แซน รวมถึงกระติก ผู้จัดการส่วนตัว รวม 6 คน นั่งเรือออกจากโรงเก็บ NBC ล่องไป จ.ปทุมธานี เพื่อรับประทานอาหารที่ร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อร้านอาหารบ้านตานิด คุณผึ้ง ผู้บริหารร้านอาหาร เล่าว่า แตงโมและเพื่อนมาถึงร้านประมาณ 6 โมงเย็น นั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะริมระเบียง 2 โต๊ะต่อกัน และรับประทานกันตามปกติ นั่งคุยกันธรรมดา ไม่มีการส่งเสียงดัง จากนั้นได้เรียกเก็บเงินตอนประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นยังเห็นแตงโมสนุกกับการกิน พร้อมกับบอกว่าอาหารอร่อยมาก


เมนูในวันนั้น ประกอบด้วย แป๊ะซะ พะโล้ ผัดหนำเลียบ ต้มจืดตอปิโด ผัดผัก ฉู่ฉี่ ปลาทอด น้ำอัดลม 3 กระป๋อง น้ำเปล่า และได้ขอนำไวน์เข้ามาดื่มในร้านด้วย ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่จอดเทียบท่าบริเวณหน้าร้านอาหาร

ทนายแม่แตงโม พบ ตร. ประเด็นบาดแผลแตงโม
ส่วนความคืบหน้าทางคดี วันนี้ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ช่วงเช้า นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความ แม่แตงโม เดินทางมาเพื่อมาขอคำปรึกษา และขอดูข้อมูลเพื่อจะได้หาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นใหม่ เรื่องของบาดเเผลบริเวณศีรษะ เเละดวงตาข้างซ้ายปูดโปนออกมา

โดยวันนี้เตรียม 4 คำถามมาถามตำรวจ ประกอบด้วย 1.เลือดของเเตงโม ตรวจเจออะไรบ้าง 2.บาดเเผลที่พบตรวจเจออะไรบ้าง 3.เอาอะไรวิเคราะห์ 4.ผลเลือดของคนบนเรือ ตรวจเมื่อไร ตรวจที่ไหน และละคราบเลือด ตรวจเมื่อไร ตรวจที่ใด


ส่วนหลักฐานที่ตนเองมียังไม่ขอเปิดเผย และหากการเข้าพบเพื่อขอดูสำนวนของตำรวจในวันนี้ แต่ยังไม่สิ้นข้อสงสัย ก็จะปรึกษาแม่อีกครั้ง และจะให้แม่เซ็นใบมอบอำนาจเพื่อใช้เป็นเอกสารสำคัญในการขอตรวจสอบพยานหลักฐานในชั้นพนักงานสอบสวนได้ตามกฎหมายด้วย

โดยทนายความใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และเปิดเผยกับสื่อว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลหรือตอบข้อสงสัยได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการประชุมชุดสืบสวนสอบสวน และให้เหตุผลว่าขณะนี้ยังไม่ได้ผลการชันสูตรและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบอกไม่ได้ว่าจะสรุปสำนวนคดีของแตงโมวันไหน

ผบก.นิติเวช เตรียมเรียกผู้ชันสูตรศพแตงโมชี้แจง
ด้านพลตำรวจตรีสุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่มีการพบบาดแผลที่ศีรษะของแตงโม โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต โดยระบุว่าส่วนตัวไม่ได้เป็นผู้ตรวจหรือชันสูตรศพของแตงโม แต่ได้รับรายงานจากแพทย์ที่เป็นผู้ผ่าพิสูจน์ศพว่าตามร่างกายของแตงโม มีบาดแผลหลายจุด แต่ส่วนที่เป็นแผลใหญ่สุดอยู่ที่โคนขาอ่อนด้านในข้างขวาเท่านั้น ส่วนบาดแผลที่ศีรษะ ตามกระแสข่าวส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีการเชิญแพทย์ผู้ผ่าชันสูตรมาสอบถามเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบรายละเอียดถึงข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนผลตรวจเนื้อเยื่อของศพแตงโมที่มีการส่งไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อทำการตรวจคู่ขนานกันไป ล่าสุดยังไม่มีการส่งกลับมา

“นิติเวช ตร.” ยืนยันตรวจช่องปาก “แตงโม” ไม่พบรอยฟันหัก
ขณะที่มีรายงานว่า กรณีการชันสูตรพลิกศพของ “แตงโม” โดยแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เวรที่รับผิดชอบผ่าชันสูตรได้ตรวจสอบในช่องปาก ลำคอ ของ “แตงโม” แล้วไม่พบว่ามีร่องรอยฟันหักตามที่มีการตั้งข้อสังเกต ส่วนกะโหลกศีรษะก็มีการเปิดผมตรวจสอบ ไม่พบร่องรอยกระแทกด้วยของแข็ง

วิเคราะห์บาดแผล “แตงโม” จากอดีตศัลยแพทย์
ส่วนแผลที่โคนขาขวาด้านใน พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก Tavatchai Kanchanarin วิเคราะห์บาดแผลที่ขาของแตงโม โดยมีการจำลองภาพต่างๆ พร้อมกับเขียนข้อความที่วิเคราะห์ว่า บาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือขณะกำลังหมุนจะมีลักษณะฉีกขาดหลายแผล ลึก และขนานกัน ใบพัดสามแฉกซึ่งหมุน 3,200 รอบต่อนาที กระทบร่างกาย 9,600 ครั้งต่อนาที หรือ 160 ครั้งต่อวินาที งานวิจัยจำนวนมากบรรยายถึงบาดแผลจากใบพัดเรือในทำนองเดียวกัน น้อยมากที่จะเจอแผลเดียวไม่ลึก เห็นมีอยู่รายหนึ่ง เป็นแผลเดียวที่เท้า เอ็นไม่ขาด แต่รายนั้นก็เกิดจากลื่นแล้วไปสะดุดใบพัดเรือซึ่งจอดอยู่บนบก

ขณะนี้สังคมกำลังตั้งข้อสังเกตเรื่องบาดแผลของแตงโมว่าเกิดจากใบพัดเรือ หางเสือเรือ หรืออื่นๆ ในระหว่างการตกเรือ เนื่องจากพบบาดแผลยาวขนาด 1 ฟุต และลึกจนเห็นกระดูกบริเวณต้นขาขวา ทำให้มีความสงสัยเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย