ทนายชี้ คำให้การ “โบ TK” พลิกคดีได้

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ทนายความชื่อดัง ระบุคำให้การของ “โบ TK” มีน้ำหนัก นำไปเป็นแนวทางสอบสวนได้ ส่วนทั้ง 5 คนที่ให้การไปก่อนหน้านี้ แม้พิสูจน์ได้ว่าให้การเท็จ ถือว่าไม่มีความผิด เพราะผู้ต้องหาจะให้การยังไงก็ได้


นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวถึงการให้ปากคำของ โบ TK ในฐานะพยาน คดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า การให้การของโบ น่าสนใจมาก เป็นการพูดที่มีน้ำหนัก เพราะโบอยู่ในเหตุการณ์ เป็นคนที่ กระติก ติดต่อไปตั้งแต่แรก ยิ่ง โบ บอกว่า 5 คนบนเรือ พูดบิดเบือนจากสิ่งที่ตนเองรับรู้ในคืนเกิดเหตุ ยิ่งทำให้ตำรวจมีแนวทางสืบสวนจากพยานปากสำคัญ ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของโบ เมื่อคืนนี้ คลายความสงสัย และข้อกังขาของคนในสังคม ที่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าแตงโมเดินไปปัสสาวะท้ายเรือ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าถูกบิดเบือนจะเป็นอย่างไรต้องรอดูสำนวนของพนักงานสอบสวน

เมื่อถามว่า การที่ทั้ง 5 คนบนเรือให้การ ไม่ตรงกับความเป็นจริง จะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ทนายรณรงค์ ระบุว่า การให้การอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง ในทางกฎหมายก็ไม่ผิด เพราะผู้ต้องหา จะให้การยังไงก็ได้เพื่อให้ตนเองพ้นผิด ซึ่งสำหรับคดีนี้ มีความผิดปกติมากมาย โดยเฉพาะการเก็บพยานหลักฐานในคดี ซึ่งตามปกติแล้วต้องเก็บให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงหรือ 12 ชั่วโมง แต่คดีนี้ กว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานได้ ล่วงเลยเวลามานาน ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้จะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกมาบอกว่า พนักงานสอบสวนมีเวลารวบรวม พยานหลักฐาน ต่างๆ ได้ 3-6 เดือน ก็ตาม เพราะพยานหลักฐานที่จะเอาผิดได้ เป็นพยานหลักฐาน ที่ต้องเก็บภายใน 12 ชั่วโมงหรือ 6 ชั่วโมงแรกเท่านั้น เพราะตามกฎหมาย พยานหลักฐานที่ได้หลังจากนั้น มีสิทธิถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมมองของนักกฎหมาย คิดว่าคดีนี้จะออกมาในรูปแบบไหน ทนายรณรงค์บอกว่า แนวโน้มคดีนี้อาจออกมาได้ 2 มุม คือ 1. เคยมีคดีในอดีต มีคนขับเรือออกไปในทะเลช่วงพายุเข้าปรากฏว่าเรือพลิกคว่ำเกิดเหตุคนตายขึ้น พนักงานสอบสวนฟ้องคนขับเรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ปรากฏว่าในชั้นศาล ๆมองว่าการที่เรือพลิกคว่ำเป็นเหตุสุดวิสัย จึงเป็นเหตุให้คนตาย ศาลชั้นต้นยกฟ้อง อุทธรณ์ยกฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ ก็คล้ายกับคดีของแตงโม

  1. มีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าคดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นคดีฆาตกรรม ที่มีการปิดบังการตาย ซึ่งเรื่องนี้ พิสูจน์ค่อนข้างยาก ถ้าถามตนว่าคดีนี้จะออกมาในทิศทางไหน สำหรับตนมองว่า ในคดีอาญา อาจเอาผิด ได้แค่คนเดียว ตนยังรู้สึกแปลกใจมาก กับการที่พนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดถึง 2 คน ทั้งโรเบิร์ตและปอ เพราะถ้าดู ตามเนื้อในของกฎหมายแล้ว คำว่าประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องแสดงว่า คนๆ นั้น ต้องมีหน้าที่และละเลยในการทำหน้าที่ จนเกิดเหตุให้มีคนตาย คดีนี้ คนขับเรือ ที่ทำให้ แตงโม ตกเรือตาย จึงต้องมีเพียงคนเดียว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนขับเรือในช่วงแตงโมพลัดตกเรือถึง 2 คน ดังนั้น สุดท้ายแล้วคดีนี้อาจเหลือ ผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องเพียงคนเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงคนที่ถูกส่งฟ้องในคดีอาญาคือโรเบิร์ต เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ มีเพียงโรเบิร์ตคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ปอท. ตรวจมือถือ 5 คนบนเรือครบแล้ว

ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่องของเพื่อนที่อยู่บนเรือแตงโม วันนี้ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษก ปอท. ระบุว่า ได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง เสร็จแล้ว และได้ส่งผลการตรวจ กลับไปให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เพื่อนำไปประกอบสำนวน


มีรายงานว่าโทรศัพท์ที่ตรวจสอบมีทั้งหมด 5 เครื่อง 1 ใน 5 เป็น โทรศัพท์ของ “แตงโม” ส่วนอีก 4 เครื่อง เป็นของบุคคลที่อยู่บนเรือ การที่ตำรวจตรวจโทรศัพท์ ก็เพื่อหาข้อมูลหลักฐานว่า ก่อนและหลังเกิดเหตุ เจ้าของโทรศัพท์ ได้โทรติดต่อพูดคุยกับใครบ้าง รวมทั้งหลักฐานการบันทึกต่างๆ ในโทรศัพท์ เช่น ข้อความ หรือ ภาพถ่ายในแกลอรี่ เพื่อเป็นประโยชน์ทางคดี

กู้ภัยเผย ศพแตงโม โดนใบพัดแต่ไม่ถึงกับทำให้ตาย

นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นทีมแรก ที่พบได้ร่างและเก็บกู้ร่าง แตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาว ให้ความเห็นในฐานะกู้ภัยที่มีประสบการณ์ในการเก็บกู้ศพ ผู้เสียชีวิตทางน้ำมาอย่างยาวนาน ว่า ศพลอยน้ำส่วนใหญ่ที่พบในแม่น้ำ และมีบาดแผลฉกรรจ์ หรือแผลใหญ่ จะเกิดจากการโดนใบพัดเรือ หรือหางเสือเรือ เช่น คดีพบชิ้นส่วนศพของน้องแป้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนลักษณะบาดแผลของแตงโม ที่เกิดขึ้นบริเวณต้นขาซ้าย มองว่า บาดแผลดังกล่าว ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต และโอกาสที่แตงโมอาจจะตกจากท้ายเรือ หรือ ข้างเรือ เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งความเห็นของตนก็เป็นเพียงการคาดการณ์จากประสบการณ์เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]