ข้อสงสัย “แตงโม” พลัดตกเรือ

กรุงเทพฯ 28 ก.พ.-อุบัติเหตุ หรือความตั้งใจ ที่ทำให้ นักแสดงสาว “แตงโม” พลัดตกเรือ หลายคนยังคงมีข้อสงสัยคาใจมากมาย ไล่เรียงทีละประเด็น เงื่อนงำหลังพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้ายา ก่อนพบเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา


ผลชันสูตรเบื้องต้นจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ลงความเห็นว่า “แตงโม” เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ พบทรายจำนวนมากในปอด คาดว่าร่างจะจมไปถึงพื้นด้านล่างของแม่น้ำ บาดแผลภายนอกพบเพียงที่ต้นขาด้านซ้าย อยู่ระหว่างตรวจสอบ เป็นใบพัดเรือหรือไม่ สำหรับผลชันสูตรเรื่องแอลกอฮอล์และยาเสพติด คาดว่าจะทราบผลภายใน 3-7 วัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเป็นที่จับตามองของสังคมและในโซเชียล ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายกับ “อุบัติเหตุ” ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนที่นั่งเรือไปด้วยกันอีก 5 คน หายตัวไปไหน หลังจากเกิดเหตุ มีข้อสงสัยว่า ถึงไม่พบเห็นระหว่างปฏิบัติการค้นหา และพยายามปิดข่าวหรือไม่ เนื่องจากแม่ และคนใกล้ชิดของแตงโมทราบข่าวจากสื่อ


ด้าน นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ เจ้าของเรือ บอกว่า หลังรู้ว่าแตงโม ภัทรธิดา ตกจากเรือได้พยายามขับเรือวนหาและแจ้งกู้ภัย ยืนยันว่าไม่ได้หายไปไหน

เหตุใดการให้ข้อมูลของเพื่อนไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับจุดที่แตงโม พลัดตกจากเรือในตอนแรก โดยระบุเพียงว่า “ตกลงไปกลางแม่น้ำเจ้าพระยา” ทำให้การค้นหาของเจ้าหน้าที่เป็นการงมเข็มในมหาสมุทร การลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังแตงโม ตกจากเรือ ไม่มีความชัดเจน วกไปวนมา เหตุใดคนที่อยู่บนเรือถึงไม่รีบไปให้ปากคำทันทีหลังเกิดเหตุ แตงโมตกเรือ

ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “พี่ๆ นักข่าวโทรมาถามกันเยอะหลังจากผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี พูดถึงชื่อผมออกสื่อในคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงสั้นๆ ว่าเพื่อนแตงโมประสานมาเพื่อปรึกษาจริง แต่ทราบว่าคุณปอมีทนายอยู่ก่อนผมแล้ว


คุณแม่ของแตงโม เผยกับสื่อว่า ผู้จัดการส่วนตัวแจ้งว่ามีการว่าจ้างแตงโมไปถ่ายภาพบนเรือ ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยในกรณีนี้ว่า เป็นการว่าจ้างงานลักษณะอย่างไร โดยกลุ่มเพื่อนของแตงโม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ปกติถ้ามีงานแตงโม ภัทรธิดา จะพิมพ์แจ้งเพื่อนในกลุ่ม แต่ครั้งนี้ไม่ได้บอกอะไร โดยทางฝั่งของ “แอนนา” ยืนยันว่า แตงโม ไม่รับงานทานข้าวอย่างแน่นอน

โดยวันนี้ได้มีการเปิดเผยแชทไลน์ การชวนแตงโมไปร่วมลงเรือครั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่า ไม่ได้หลอกให้ไปเอ็น ส่วนเรื่องไม่ใส่ชูชีพ เพราะมีการถ่ายรูปกันตลอด ถ้าใส่จะไม่สะดวก และยังมีประเด็นภาพในอินสตาแกรมของแตงโม ภัทรธิดา ถูกลบ จากเดิมมี 2,306 โพสต์ แต่ล่าสุดเหลือ 2,299 โพสต์ โดยมีการระบุว่าภาพที่ถูกลบเป็นภาพของกระติก (ผู้จัดการ) และลูกบุญธรรมของแตงโม รวมทั้งข้อสงสัยว่าโทรศัพท์ของแตงโมอยู่ที่ใคร

ประเด็นนี้ แอนนา เผยว่า “ไม่ทราบว่าใครเป็นคนลบ ทำไมต้องลบ ในเมื่อเป็นพื้นที่ส่วนตัวของแตงโม ภัทรธิดา จะต้องมีรหัสผ่าน ซึ่งผู้จัดการจะมีรหัสเข้า แต่ทราบว่ามือถือที่เป็นของกลาง ตอนแรกอยู่กับผู้จัดการ จนกระทั่งทราบจากแม่แตงโมว่า ได้รับโทรศัพท์กลับคืนมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้นำมาให้พนักงานสอบสวน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน”

อีกหนึ่งข้อสงสัย ที่หลายคนตั้งคำถาม หลังมีภาพปรากฏในโลกโซเชียล เป็นภาพแขนเสื้อของ “จ๊อบ” ขาด นั้น เจ้าตัวยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของตนเอง และยืนยันว่า เสื้อตัวดังกล่าวไม่ได้มีรอยขาดอย่างที่หลายคนคาดเดากัน ส่วนที่เห็นว่า เหมือนตนกำลังลากอะไรบางอย่างในน้ำ พร้อมกล่าวหาว่าอาจเป็นร่างของแตงโมหลังถูกทำร้ายนั้น จ๊อบชี้แจงว่า ปกติเรือแบบนี้ก่อนเข้าเทียบโป๊ะ จะต้องแขวนทุ่นไว้ไม่ให้ด้านข้างเรือถูกกระแทก และยืนยันว่าไม่ใช่ร่างแตงโม

มาถึงกรณีชุดบอดี้สูท เนื่องจากในวันเกิดเหตุ “แตงโม ภัทรธิดา” สวมใส่ “บอดี้สูท” สีชมพู ทับด้วยกระโปรงสีขาว และมีเสื้อโค้ทสีน้ำตาลใส่คลุมอีกตัวหนึ่ง โดย “แซน วิศาพัช” 1 ใน 6 คน ที่อยู่ในเรือลำเดียวกับแตงโม เล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า ตนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บริเวณด้านหลังของสปีดโบ๊ท แล้วแตงโม ภัทรธิดา ก็เดินมาท้ายเรือ เพื่อจะปัสสาวะ โดยแตงโมได้จับขา 2 ข้างของแซนไว้ จากนั้นก็เห็นแตงโม ตกเรือโดยพลิกด้านข้าง แต่ตนเองคว้าไม่ได้ ขณะที่ “กระติก” ได้อธิบายพร้อมกับยกตัวอย่าง ถ้าใครเคยใส่บอดี้สูทจะรู้ว่า สามารถแหวกข้างเพื่อปัสสาวะ หากปวดจริงๆ แต่ตนเองไม่รู้ว่าแตงโมทำแบบไหน

ซึ่งผู้ที่รู้จัก “บอดี้สูท” คงรู้กันดีว่าเป็นชุดที่ค่อนข้างจะถอดยาก และไม่สามารถถอดได้ในสถานที่โล่งแจ้ง จากประเด็นดังกล่าวทำให้ “บอดี้สูท” กลายเป็นที่สนใจว่าเป็นชุดแบบไหน มีลักษณะอย่างไร และคนที่สวมใส่ “บอดี้สูท” จะต้องทำอย่างไรเมื่อปวดปัสสาวะ

สำหรับ “บอดี้สูท” เป็นชุดรัดรูป คล้ายกับชุดว่ายน้ำวันพีซ บางรุ่นอาจจะเย็บเป้าแบบปิด ทำให้เวลาปวดหนัก-เบาจะเข้าห้องน้ำ ต้องถอดออกหมดทั้งตัว หรือหากดีไซน์ให้มีซิปหลัง ก็ยังต้องปลดจากด้านบนลงล่างอยู่ดี จึงจำเป็นต้องถอด-ใส่ในที่มิดชิดเท่านั้น แต่บางตัว บริเวณเป้าจะมีกระดุมแป๊ก หรือตะขอเกี่ยว เพื่อที่จะสามารถเปิดบริเวณเป้าของชุดได้ง่ายเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ ซึ่งแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องถอดทั้งชุดตั้งแต่ด้านบนลงมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สะดวกนักหากผู้สวมใส่ใช้บอดี้สูทควบคู่กับกางเกงชั้นใน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ยังต้องถอด-ใส่ในสถานที่มิดชิดเช่นในห้องน้ำอยู่ดี

ส่วนกรณี การตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณอู่ต่อเรือ เมื่อเวลา 01.10 น. วันที่ 25 ก.พ. หรือภายหลัง “แตงโม ภัทรธิดา” จมน้ำสูญหาย ทางกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่บนเรือ เดินทางกลับมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน โดยมี “โบ TK” สุรัตนาวี สุวิพร นักร้องดังยุค 90 และ เพื่อนสนิทแตงโม ตามมาสมทบ คาดว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทาง “โบ TK” กระจายข่าวให้ “บีม ศรัณยู” ที่มีบ้านอยู่ริมน้ำช่วยออกตามค้นหา ก่อนที่เวลา 01.20 น.กลุ่มเพื่อนชุดที่ 2 ได้ขับรถยนต์เข้ามาที่อู่เรือ นำโดย “ฮิปโป” ฉันท์ชนะ ยิ้มสาย เพื่อนสนิท และ ผจก.อีกคน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องเชิญตัว โบ Tk และ ฮิปโป มาสอบปากคำอีกครั้ง

ล่าสุดฮิปโป เพื่อนสนิทและผู้จัดการของ แตงโม ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองทราบเรื่องแตงโมตกน้ำจากแอนนาตอน 5 ทุ่ม ก็รีบขับรถออกจากบ้านไป ระหว่างทางก็โทรศัพท์หากระติก แต่กระติกไม่รับสายเลยโทรหาแม่แตงโม ขับรถไปหาที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ตอนตีหนึ่ง ซึ่งได้เจอนุชช่างแต่งหน้าแตงโม ที่แจ้งว่าเบิร์ดแฟนแตงโมส่งโลเคชันให้ จึงส่งข้อความไปในกรุ๊ปที่มีกระติกด้วย กระติกอ่านแต่ไม่ตอบ

เมื่อฮิปโปไปถึงท่าเรือ (พิบูลสงคราม 1) ที่เบิร์ดอยู่ด้วย ฮิปโปอยู่ที่ท่าเรือนั้นประมาณ 10 นาที จากนั้นกระติกส่งข้อความมาแจ้งในไลน์ว่าอยู่ที่อู่จอดเรือ ให้ฮิปโปและเพื่อนๆ มาหา ฮิปโปและนุชก็เลยนั่งรถไปหาที่อู่จอดรถ แต่เบิร์ดแฟนแตงโมไม่ได้ไปด้วย เพราะขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ท่าเรือสะพานพระราม 5 เพราะมีคนแจ้งว่าเจอผู้หญิงขึ้นมาจากน้ำ เบิร์ดก็เลยเป็นห่วงทางนั้น ส่วนฮิปโปมาที่อู่ต่อเรือตามภาพที่ปรากฏเมื่อไปถึง ก็เจอแซน ปอ โรเบิร์ต จ๊อบ แต่ไม่เจอกระติก แต่พอบอกว่าตัวเธอคือผู้จัดการส่วนตัวกับแตงโม จึงสามารถเข้าไปพูดคุยกับกระติกได้

ตอนนั้นกระติกบอกว่าแตงโมตกน้ำเพราะไปปัสสาวะ พร้อมบอกให้ฮิปโปกลับไปรอที่บ้าน ฮิปโป จึงไปหาเบิร์ดที่สะพานพระราม 5 ซึ่งจุดสะพานพระราม 5 แอนนามาสมทบ รออยู่ท่าเรือประมาณ 03.30 น. จึงเห็นในไลฟ์ว่าแม่แตงโมมาถึงที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ก็เลยตามไปหา ยืนยัน ไม่ได้บอกให้แม่ปิดข่าว แต่บอกกับแม่ว่า อย่าเพิ่งให้สัมภาษณ์ใดๆ แม่พูดมาคำหนึ่งว่าให้แม่ปิดข่าวทำไม ตนมองว่ามันคนละเรื่องเลยนะ ที่บอกไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพราะแม่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง จากข้อมูลที่หนูรู้ ไม่ได้บอกว่าให้แม่ปิดข่าว แต่แม่ต้องมารับทราบข้อมูลที่หนูทราบก่อน ว่าหนูไปคุยกับพี่กระติกได้เรื่องอย่างไรบ้าง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

“ทวี” แจง “ดีเจแมน-ใบเตย” ได้เยียวยา แต่ต้องรอคดีถึงที่สุด

“ทวี” แจง “ดีเจแมน-ใบเตย” ได้รับค่าเยียวยา หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด บอกหากไม่ได้รับความยุติธรรม ฟ้องรัฐได้

ถนนมิตรภาพเข้าสู่ประตูอีสานรถเพิ่มขึ้น

เริ่มแล้วเทศกาลปีใหม่ ประชาชนออกเดินทางกลับภูมิลำเนาการจราจรถนนมิตรภาพ ปริมาณรถมาก ตำรวจทางหลวง เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวก

หมอชิต 2 เริ่มคึกคัก คาดวันนี้จะมีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด

สถานีขนส่งหมอชิต 2 มีประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว แต่ยังไม่หนาแน่นนัก ด้าน บขส. คาดตลอดทั้งวันนี้จะมีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดถึง 120,000 คน

นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2568

“แพทองธาร” นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2568 “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” ระบุรัฐบาลเห็นคุณค่าในตัวเด็กๆ ทุกคน ขอให้ปรับตัวเรียนรู้ ให้เข้ากับสถานการณ์