ข้อสงสัย “แตงโม” พลัดตกเรือ

กรุงเทพฯ 28 ก.พ.-อุบัติเหตุ หรือความตั้งใจ ที่ทำให้ นักแสดงสาว “แตงโม” พลัดตกเรือ หลายคนยังคงมีข้อสงสัยคาใจมากมาย ไล่เรียงทีละประเด็น เงื่อนงำหลังพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้ายา ก่อนพบเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา


ผลชันสูตรเบื้องต้นจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ลงความเห็นว่า “แตงโม” เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ พบทรายจำนวนมากในปอด คาดว่าร่างจะจมไปถึงพื้นด้านล่างของแม่น้ำ บาดแผลภายนอกพบเพียงที่ต้นขาด้านซ้าย อยู่ระหว่างตรวจสอบ เป็นใบพัดเรือหรือไม่ สำหรับผลชันสูตรเรื่องแอลกอฮอล์และยาเสพติด คาดว่าจะทราบผลภายใน 3-7 วัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเป็นที่จับตามองของสังคมและในโซเชียล ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายกับ “อุบัติเหตุ” ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนที่นั่งเรือไปด้วยกันอีก 5 คน หายตัวไปไหน หลังจากเกิดเหตุ มีข้อสงสัยว่า ถึงไม่พบเห็นระหว่างปฏิบัติการค้นหา และพยายามปิดข่าวหรือไม่ เนื่องจากแม่ และคนใกล้ชิดของแตงโมทราบข่าวจากสื่อ


ด้าน นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ เจ้าของเรือ บอกว่า หลังรู้ว่าแตงโม ภัทรธิดา ตกจากเรือได้พยายามขับเรือวนหาและแจ้งกู้ภัย ยืนยันว่าไม่ได้หายไปไหน

เหตุใดการให้ข้อมูลของเพื่อนไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับจุดที่แตงโม พลัดตกจากเรือในตอนแรก โดยระบุเพียงว่า “ตกลงไปกลางแม่น้ำเจ้าพระยา” ทำให้การค้นหาของเจ้าหน้าที่เป็นการงมเข็มในมหาสมุทร การลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังแตงโม ตกจากเรือ ไม่มีความชัดเจน วกไปวนมา เหตุใดคนที่อยู่บนเรือถึงไม่รีบไปให้ปากคำทันทีหลังเกิดเหตุ แตงโมตกเรือ

ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “พี่ๆ นักข่าวโทรมาถามกันเยอะหลังจากผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี พูดถึงชื่อผมออกสื่อในคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงสั้นๆ ว่าเพื่อนแตงโมประสานมาเพื่อปรึกษาจริง แต่ทราบว่าคุณปอมีทนายอยู่ก่อนผมแล้ว


คุณแม่ของแตงโม เผยกับสื่อว่า ผู้จัดการส่วนตัวแจ้งว่ามีการว่าจ้างแตงโมไปถ่ายภาพบนเรือ ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยในกรณีนี้ว่า เป็นการว่าจ้างงานลักษณะอย่างไร โดยกลุ่มเพื่อนของแตงโม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ปกติถ้ามีงานแตงโม ภัทรธิดา จะพิมพ์แจ้งเพื่อนในกลุ่ม แต่ครั้งนี้ไม่ได้บอกอะไร โดยทางฝั่งของ “แอนนา” ยืนยันว่า แตงโม ไม่รับงานทานข้าวอย่างแน่นอน

โดยวันนี้ได้มีการเปิดเผยแชทไลน์ การชวนแตงโมไปร่วมลงเรือครั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่า ไม่ได้หลอกให้ไปเอ็น ส่วนเรื่องไม่ใส่ชูชีพ เพราะมีการถ่ายรูปกันตลอด ถ้าใส่จะไม่สะดวก และยังมีประเด็นภาพในอินสตาแกรมของแตงโม ภัทรธิดา ถูกลบ จากเดิมมี 2,306 โพสต์ แต่ล่าสุดเหลือ 2,299 โพสต์ โดยมีการระบุว่าภาพที่ถูกลบเป็นภาพของกระติก (ผู้จัดการ) และลูกบุญธรรมของแตงโม รวมทั้งข้อสงสัยว่าโทรศัพท์ของแตงโมอยู่ที่ใคร

ประเด็นนี้ แอนนา เผยว่า “ไม่ทราบว่าใครเป็นคนลบ ทำไมต้องลบ ในเมื่อเป็นพื้นที่ส่วนตัวของแตงโม ภัทรธิดา จะต้องมีรหัสผ่าน ซึ่งผู้จัดการจะมีรหัสเข้า แต่ทราบว่ามือถือที่เป็นของกลาง ตอนแรกอยู่กับผู้จัดการ จนกระทั่งทราบจากแม่แตงโมว่า ได้รับโทรศัพท์กลับคืนมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้นำมาให้พนักงานสอบสวน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน”

อีกหนึ่งข้อสงสัย ที่หลายคนตั้งคำถาม หลังมีภาพปรากฏในโลกโซเชียล เป็นภาพแขนเสื้อของ “จ๊อบ” ขาด นั้น เจ้าตัวยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของตนเอง และยืนยันว่า เสื้อตัวดังกล่าวไม่ได้มีรอยขาดอย่างที่หลายคนคาดเดากัน ส่วนที่เห็นว่า เหมือนตนกำลังลากอะไรบางอย่างในน้ำ พร้อมกล่าวหาว่าอาจเป็นร่างของแตงโมหลังถูกทำร้ายนั้น จ๊อบชี้แจงว่า ปกติเรือแบบนี้ก่อนเข้าเทียบโป๊ะ จะต้องแขวนทุ่นไว้ไม่ให้ด้านข้างเรือถูกกระแทก และยืนยันว่าไม่ใช่ร่างแตงโม

มาถึงกรณีชุดบอดี้สูท เนื่องจากในวันเกิดเหตุ “แตงโม ภัทรธิดา” สวมใส่ “บอดี้สูท” สีชมพู ทับด้วยกระโปรงสีขาว และมีเสื้อโค้ทสีน้ำตาลใส่คลุมอีกตัวหนึ่ง โดย “แซน วิศาพัช” 1 ใน 6 คน ที่อยู่ในเรือลำเดียวกับแตงโม เล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า ตนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บริเวณด้านหลังของสปีดโบ๊ท แล้วแตงโม ภัทรธิดา ก็เดินมาท้ายเรือ เพื่อจะปัสสาวะ โดยแตงโมได้จับขา 2 ข้างของแซนไว้ จากนั้นก็เห็นแตงโม ตกเรือโดยพลิกด้านข้าง แต่ตนเองคว้าไม่ได้ ขณะที่ “กระติก” ได้อธิบายพร้อมกับยกตัวอย่าง ถ้าใครเคยใส่บอดี้สูทจะรู้ว่า สามารถแหวกข้างเพื่อปัสสาวะ หากปวดจริงๆ แต่ตนเองไม่รู้ว่าแตงโมทำแบบไหน

ซึ่งผู้ที่รู้จัก “บอดี้สูท” คงรู้กันดีว่าเป็นชุดที่ค่อนข้างจะถอดยาก และไม่สามารถถอดได้ในสถานที่โล่งแจ้ง จากประเด็นดังกล่าวทำให้ “บอดี้สูท” กลายเป็นที่สนใจว่าเป็นชุดแบบไหน มีลักษณะอย่างไร และคนที่สวมใส่ “บอดี้สูท” จะต้องทำอย่างไรเมื่อปวดปัสสาวะ

สำหรับ “บอดี้สูท” เป็นชุดรัดรูป คล้ายกับชุดว่ายน้ำวันพีซ บางรุ่นอาจจะเย็บเป้าแบบปิด ทำให้เวลาปวดหนัก-เบาจะเข้าห้องน้ำ ต้องถอดออกหมดทั้งตัว หรือหากดีไซน์ให้มีซิปหลัง ก็ยังต้องปลดจากด้านบนลงล่างอยู่ดี จึงจำเป็นต้องถอด-ใส่ในที่มิดชิดเท่านั้น แต่บางตัว บริเวณเป้าจะมีกระดุมแป๊ก หรือตะขอเกี่ยว เพื่อที่จะสามารถเปิดบริเวณเป้าของชุดได้ง่ายเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ ซึ่งแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องถอดทั้งชุดตั้งแต่ด้านบนลงมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สะดวกนักหากผู้สวมใส่ใช้บอดี้สูทควบคู่กับกางเกงชั้นใน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ยังต้องถอด-ใส่ในสถานที่มิดชิดเช่นในห้องน้ำอยู่ดี

ส่วนกรณี การตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณอู่ต่อเรือ เมื่อเวลา 01.10 น. วันที่ 25 ก.พ. หรือภายหลัง “แตงโม ภัทรธิดา” จมน้ำสูญหาย ทางกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่บนเรือ เดินทางกลับมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน โดยมี “โบ TK” สุรัตนาวี สุวิพร นักร้องดังยุค 90 และ เพื่อนสนิทแตงโม ตามมาสมทบ คาดว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทาง “โบ TK” กระจายข่าวให้ “บีม ศรัณยู” ที่มีบ้านอยู่ริมน้ำช่วยออกตามค้นหา ก่อนที่เวลา 01.20 น.กลุ่มเพื่อนชุดที่ 2 ได้ขับรถยนต์เข้ามาที่อู่เรือ นำโดย “ฮิปโป” ฉันท์ชนะ ยิ้มสาย เพื่อนสนิท และ ผจก.อีกคน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องเชิญตัว โบ Tk และ ฮิปโป มาสอบปากคำอีกครั้ง

ล่าสุดฮิปโป เพื่อนสนิทและผู้จัดการของ แตงโม ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองทราบเรื่องแตงโมตกน้ำจากแอนนาตอน 5 ทุ่ม ก็รีบขับรถออกจากบ้านไป ระหว่างทางก็โทรศัพท์หากระติก แต่กระติกไม่รับสายเลยโทรหาแม่แตงโม ขับรถไปหาที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ตอนตีหนึ่ง ซึ่งได้เจอนุชช่างแต่งหน้าแตงโม ที่แจ้งว่าเบิร์ดแฟนแตงโมส่งโลเคชันให้ จึงส่งข้อความไปในกรุ๊ปที่มีกระติกด้วย กระติกอ่านแต่ไม่ตอบ

เมื่อฮิปโปไปถึงท่าเรือ (พิบูลสงคราม 1) ที่เบิร์ดอยู่ด้วย ฮิปโปอยู่ที่ท่าเรือนั้นประมาณ 10 นาที จากนั้นกระติกส่งข้อความมาแจ้งในไลน์ว่าอยู่ที่อู่จอดเรือ ให้ฮิปโปและเพื่อนๆ มาหา ฮิปโปและนุชก็เลยนั่งรถไปหาที่อู่จอดรถ แต่เบิร์ดแฟนแตงโมไม่ได้ไปด้วย เพราะขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ท่าเรือสะพานพระราม 5 เพราะมีคนแจ้งว่าเจอผู้หญิงขึ้นมาจากน้ำ เบิร์ดก็เลยเป็นห่วงทางนั้น ส่วนฮิปโปมาที่อู่ต่อเรือตามภาพที่ปรากฏเมื่อไปถึง ก็เจอแซน ปอ โรเบิร์ต จ๊อบ แต่ไม่เจอกระติก แต่พอบอกว่าตัวเธอคือผู้จัดการส่วนตัวกับแตงโม จึงสามารถเข้าไปพูดคุยกับกระติกได้

ตอนนั้นกระติกบอกว่าแตงโมตกน้ำเพราะไปปัสสาวะ พร้อมบอกให้ฮิปโปกลับไปรอที่บ้าน ฮิปโป จึงไปหาเบิร์ดที่สะพานพระราม 5 ซึ่งจุดสะพานพระราม 5 แอนนามาสมทบ รออยู่ท่าเรือประมาณ 03.30 น. จึงเห็นในไลฟ์ว่าแม่แตงโมมาถึงที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ก็เลยตามไปหา ยืนยัน ไม่ได้บอกให้แม่ปิดข่าว แต่บอกกับแม่ว่า อย่าเพิ่งให้สัมภาษณ์ใดๆ แม่พูดมาคำหนึ่งว่าให้แม่ปิดข่าวทำไม ตนมองว่ามันคนละเรื่องเลยนะ ที่บอกไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพราะแม่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง จากข้อมูลที่หนูรู้ ไม่ได้บอกว่าให้แม่ปิดข่าว แต่แม่ต้องมารับทราบข้อมูลที่หนูทราบก่อน ว่าหนูไปคุยกับพี่กระติกได้เรื่องอย่างไรบ้าง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]