กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- กรณี ส.ต.ต.ขี่บิ๊กไบค์พุ่งชนหมอกระต่ายเสียชีวิตขณะข้ามถนน แม้ยังไม่มีการนัดวันส่งฟ้องที่แน่ชัด และเจ้าตัวพร้อมพ่อได้ขอบวชอุทิศส่วนกุศลให้หมอกระต่าย ขณะที่หลายเพจยังออกมาแฉข้อมูลต่างๆ และตำรวจก็เร่งชี้แจงคลายปมสงสัย โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายรถ และการเอาผิดด้านคดีความ
หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์อ้างว่าบิ๊กไบค์ที่สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ บัวดำ หรือ พระนรวิชญ์ ขี่ไปชน แพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา จุฬาฯ เสียชีวิตขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายเป็นของทางร้าน และอ้างว่าบิ๊กไบค์คันนี้ไม่ได้ขายให้ตำรวจแต่ขายให้ลูกค้าอีกคน และลูกค้าขับไปโดนจับยึดรถไว้ที่โรงพัก แต่กลับถูกตำรวจเอาไปขี่ พร้อมติด #รถของกลางเอกออกไปขี่มันก็ผิดเต็มๆ แล้ว ก่อนที่โพสต์นี้จะถูกลบออกไป ท่ามกลางการชี้แจงฝั่งของตำรวจที่ออกมาเผยแพร่หลักฐานว่า ตำรวจตรวจสอบแล้วบิ๊กไบค์คันนี้ไม่ใช่บิ๊กไบค์ของกลาง พร้อมโชว์เอกสารการซื้อขายรถระหว่างชายคนหนึ่งกับสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ เพื่อให้เห็นว่ามีการซื้อขายกันจริง เมื่อเดือนธันวาคม ในราคาแสนกว่าบาท แต่สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ไม่ได้ไปโอนเป็นชื่อตัวเอง รถคันนี้จึงเป็นลักษณะการโอนลอย
นอกจากนี้ ยังมีการตามหาผู้ครอบครองรถมือแรกๆ ที่ล่าสุดปรากฏชื่อคือ นายไพฑูรย์ เสาร์หลวง ทำให้ล่าสุดพันตำรวจเอก บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการ สน.พญาไท เผยว่าเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด ตำรวจได้ออกหมายเรียก นายไพฑูรย์ ผู้ครอบครองรถทุกคน และคนขายบิ๊กไบค์ มาให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว แต่รายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนบิ๊กไบค์ของกลางของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ ให้นำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของกลางในคดีที่อยู่ด้านหลัง สน.พญาไท แล้ว หลังกองพิสูจน์หลักฐานดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้น ส่วนเรื่องของความเร็วบิ๊กไบค์ขณะเกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้ได้ประสาน บก.จร.เร่งตรวจสอบแล้วว่า ขี่เร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย
เมื่อคืนนี้ที่ด้านหน้าสถาบันโรงพยาบาลโรคไตภูมิราชนครินทร์ เจ้าหน้าที่ กทม.ตีเส้นนูนชะลอความเร็ว และเส้นบีบช่องจราจรให้เล็กลงทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ก่อนถึงทางม้าลายประมาณ 50 เมตร เพื่อปรับพื้นผิวถนนให้เป็นคลื่นในลักษณะลูกระนาด เป็นสัญญาณว่ารถต้องชะลอตัว
นอกจากประเด็นเรื่องบิ๊กไบค์ที่ถกเถียงกันว่ามีการซื้อขายอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นรถของกลางในคดี ยังมีอีก 2 ประเด็นที่สังคมจับตา คือเรื่องคดีความ เพราะเพจ “หมอขอบ่นหน่อยเหอะ – AggressiveDoctor” โพสต์ข้อมูลและใบนัดผู้ป่วยของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ พร้อมอ้างว่าในวันดังกล่าวหลังเกิดอุบัติเหตุ สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ได้ไปตรวจตาที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยแจ้งอาการว่าตามัวมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ปรากฏว่า “หมอเวร” ที่ให้คำปรึกษาเคสนี้คือ หมอกระต่าย ทำให้มีการโทรตามตัวหมอกระต่าย จนทราบว่าประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต
การกล่าวอ้างนี้ มีคำยืนยืนในภายหลังจากพลตำรวจตรีบุญยรัสน์ พุกกะเวส โฆษกโรงพยาบาลตำรวจว่าในวันดังกล่าว (วันที่เกิดอุบัติเหตุ) สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ เข้ามาหาหมอตาที่โรงพยาบาลตำรวจจริง พร้อมย้ำว่าวันนั้นหมอตาที่ตรวจสิบตำรวจตรี นรวิชญ์ไม่ใช่หมอกระต่าย และหมอกระต่ายไม่ได้เป็นเจ้าของไข้แน่นอน เพราะสิบตำรวจตรีนรวิชญ์มาพบแพทย์หลังเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งประเด็นนี้สังคมยังเคลือบแคลงมาหาหมอตา เพื่อผลประโยชน์อื่นใดหรือไม่
ส่วนประเด็นการบวชที่ล่าสุด นอกจากมีภาพของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ ไปบวชพร้อมกับพ่อที่วัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา ยังมีภาพปรากฏว่า พระนรวิชญ์และพระพ่อได้มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในงานศพของหมอกระต่ายที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารด้วย สร้างความคลางแคลงให้กับสังคม เพราะโดยปกติบุคคลที่จะบวชได้ ต้องไม่ต้องโทษในคดี ตามพระวินัยที่พระอุปัชฌาต้องถามผู้บวชว่า เป็นคนต้องโทษคดีอาญาหรือไม่ และผู้บวชต้องตอบตามความจริง เนื่องจากหากมีจะป็นผู้ต้องห้ามบวช ซึ่งก่อนหน้าที่วัดแห่งนี้จะรับพระนรวิชญ์และพระพ่อบวช วัดแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ได้ปฏิเสธมาแล้ว ทำให้ต้องตามกันต่อว่าคณะสงฆ์จะออกมาชี้แจงหรือไม่.-สำนักข่าวไทย