กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เรียก 2 มูลนิธิ “ร่วมกตัญญู-เพชรเกษม” ถกป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท คลอด 4 แนวทาง หากเกิดอีกหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ขีดเส้นเย็นนี้ผู้ก่อเหตุมอบตัว ตรวจค้นอาวุธก่อนทำงาน
จากกรณีที่เกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิเพชรเกษม สาขากรุงเทพฯ จนถึงขั้นยกพวกทำร้ายร่างกายกัน และใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กัน เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ใน 2 พื้นที่ คือ สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.โคกคราม ล่าสุดพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เรียกตัวแทนมูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิเพชรเกษม หาทางออกและข้อสรุป เพื่อป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท หลังจากมีเหตุเผชิญหน้ากันของทั้ง 2 ฝ่ายจนมีการยิงปืนกันและมีผู้บาดเจ็บ 2 คน
โดยได้ข้อสรุป 4 ข้อ คือ 1.ให้ทั้งสองฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงเด็ดขาดระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีเกิดขึ้นอีกก็จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที 2.ให้ทั้งสองฝ่ายพาผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาททั้งพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.โคกคราม มามอบตัวกับพนักงานสอบสวนภายในเย็นนี้ หากยังไม่มาจะขอศาลออกหมายจับ เนื่องจากทราบตัวบุคคลทั้งสองฝ่ายแล้ว 3.ตำรวจจะตรวจสอบการทำงานของทุกมูลนิธิว่ามีการได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย และ 4.สั่งการให้สายตรวจตรวจค้นรถมูลนิธิทุกคัน จะต้องไม่พกพาอาวุธทุกชนิด รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ปฏิบัติงานให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณนั้นให้ตรวจค้น หากพบจะบันทึกภาพไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.อรรถพล ระบุข้อกำหนดนี้จะเริ่มใช้ในพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ก่อน และอาจเสนอให้บังคับในทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจุดที่ทะเลาะกันไม่มีการการแจ้งเกิดเหตุ ส่วนด้านคดีจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง จะเป็นคดีทำร้ายร่างกาย จากเหตุชกต่อยระหว่างสองมูลนิธิ และพื้นที่ สน.โคกคราม จะดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากมีการยิงอาวุธปืนร่วมด้วย ขณะนี้ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว จึงได้ประสานให้ทั้งสองมูลนิธินำตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัว
ด้านนายเอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ ตัวแทนมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ยอมรับในข้อตกลงของตำรวจ และอยากให้เป็นในรูปแบบนี้มานานแล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เน้นย้ำกับอาสากู้ภัยทุกคนไปแล้วว่า อย่าตอบโต้กับคู่กรณีให้ถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เพื่อใช้แจ้งความดำเนินคดี ส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ทราบแน่ชัด เพียงแต่ทราบว่ามีการใช้อาวุธปืนทั้งสองฝ่าย รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมามีเหตุปะทะกันระหว่างมูลนิธิเพชรเกษมมาแล้วรวม 5 ครั้ง จะพยายามติดต่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามข้อตกลงของตำรวจ
ทั้งนี้ ยอมรับเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรก แต่มีความขัดแย้งของระหว่างสองมูลนิธิมาก่อนแล้ว โดยเหตุที่แยกพงษ์เพชรได้รับรายงานว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน แต่ได้แยกย้ายกันและนึกว่าไม่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้ว แต่ในเวลาประมาณ 01.00 น. ได้รับรายงานว่าถูกท้าทายจากฝั่งมูลนิธิเพชรเกษมที่ยังรวมตัวกันอยู่ที่ปั้มน้ำมัน ถนนเกษตรนวมินทร์ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งมูลนิธิเพชรเกษม 4 นัด ทางร่วมกตัญญูจึงยิงกลับเข้าไปเพื่อป้องกันตัว
นายเอกพันธ์ กล่าวว่า อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี แต่สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่ามาจากความขัดแย้งที่สะสมมาเป็นเวลาหลายปี จนเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ที่ผ่านมาแจ้งความไว้ 4 สน.แล้ว แต่เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าจนมาเกิดเหตุดังกล่าวอีก เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพชรเกษมบางส่วนเคยทำงานอยู่ในมูลนิธิร่วมกตัญญูและบางส่วนถูกให้ออกจากมูลนิธิ เนื่องจากตรวจสอบแล้วมีทั้งเรื่องร้องเรียน โดยเฉพาะการนำส่งผู้บาดเจ็บไปนอกโรงพยาบาลตามสิทธิของผู้ป่วย และการทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับ ทำให้บางคนอาจไม่พอใจ และเหตุที่เกิดขึ้นเชื่อว่ามาจากการแย่งเคสผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล เพราะผู้นำส่งจะได้ค่าตอบแทนจากโรงพยาบาลเอกชนที่นำส่ง
นายเอกพันธ์ มองว่าต้องทำให้เกิดความชัดเจนเรื่องการอนุญาตให้มูลนิธิต่าง ๆ ปฎิบัติหน้าที่ ให้เกิดความถูกต้อง เพื่อป้องกัน กลุ่มคนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ทำให้มีอาสาสมัครหลายคนที่ไม่ได้ทำเพื่อสังคมหรือทำด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิร่วมกตัญอยู่ก็ให้ออกมาหลายคนแล้ว ยืนยันตาม MOU 8 มูลนิธิ กับศูนย์เอราวัณ กทม.นั้น มูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ไม่มีมูลนิธิเพชรเกษม ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วให้ช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะหวั่นจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้
ขณะที่นายบัญชา ศรีนิลพันธ์ ผู้จัดการมูลนิธิเพชรเกษม สาขากรุงเทพฯ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นมาจากเหตุไปรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหน้าวัดเสมียนนารีเมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นมีมูลนิธิร่วมกตัญญูมาช่วยเหลือต่อนำส่งโรงพยาบาล และอาสามีการขับรถตามกันจนมีเหตุเผชิญหน้ากัน จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุขึ้นอีกครั้งที่แยกพงษ์เพชร ซึ่งเป็นจุดจอดรถของมูลนิธิเพชรเกษม จนมีเหตุชกต่อยกันและลุกลามไปถึงหน้าปั้ม ปตท. ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน ส่วนการขอใบอนุญาตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินและศูนย์เอราวัณ ขณะนี้ได้ยื่นเอกสารไปทั้งหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่ามูลนิธิมีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากร แต่หากหน่วยงานที่จะอนุญาตพบว่ามีจุดไหนบกพร่องก็ควรที่จะแจ้งมา เพื่อที่จะได้แก้ไข แต่ระหว่างนี้จำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อน เนื่องจากเป็นอาสามูลนิธิที่มีความต้องการช่วยเหลือคน
ส่วนการออกปฏิบัติงานวันเดียวกับมูลนิธิร่วมกตัญญู ไม่มีประเด็นอื่นนอกจากความชำนาญในพื้นที่ เพราะอาสาส่วนใหญ่ก็ออกมาจากมูลนิธิร่วมกตัญญู และยอมรับว่าบางส่วนก็ถูกไล่ออกมา และย้ายมาอยู่ที่มูลนิธิเพชรเกษม ส่วนจะมีบุคคลใดมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนหรือไม่ เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมพูดคุยกับตำรวจแล้ว ก็ได้จับมือเพื่อแสดงถึงการยอมรับข้อตกลงร่วมกันที่ตำรวจได้เสนอไว้ และพร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวหลังจากนี้
ทั้งนี้ ในพื้นที่ กทม.ตาม MOU ระหว่างศูนย์เอราวัณ กทม.มีเพียง 8 มูลนิธิที่ได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ คือ มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง มูลนิธิสยามร่วมใจ ปู่อินทร์ มูลนิธิกู้ภัยร่วมไทร มีนบุรี มูลนิธิ ราชพฤกษ์ กู้ชีพหงส์แดง กู้ชีพกู๊บแดง และ กู้ชีพพิรุน ซึ่งมูลนิธิเพชรเกษม ไม่ได้อยู่ในจำนวนที่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย