fbpx

สาวใหญ่แจ้งจับเพื่อนโกงเงิน 30 ล้าน

กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – สาวใหญ่เจ้าของธุรกิจรับถมที่ดิน มือจิกหัวเพื่อนกลางโรงพัก พร้อมผู้เสียหาย รวม 4 คน รุดแจ้งกองปราบจับเพื่อนสาวเคยสนิทสมัยเรียนชั้นประถม และสามี โกงเงินลงทุน 30 ล้านบาท


น.ส.อ้อม หรือ น.ส.รวิกร ขุนหะศรี อายุ 40 ปี เจ้าของธุรกิจรับถมดินในจังหวัดทางภาคตะวันออก และผู้เสียหายรวม 4 คน พร้อมด้วยทนายความ เข้าแจ้งความตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กุ๊ก ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนชั้นประถมศึกษาและสามีของ น ส.กุ๊ก

น.ส.อ้อม เล่าว่า มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.กุ๊ก เนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา โดย น.ส.กุ๊ก ได้มาชักชวนให้ลงทุนทำธุรกิจ อ้างว่าเป็นธุรกิจลงทุนกับธนาคาร ตนหลงเชื่อโอนเงินลงทุนให้ น.ส.กุ๊ก หลายครั้งรวม 2 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาจ่ายผลตอบแทนกลับไม่ได้รับเงินดอกผลตามที่ตกลงกัน เมื่อไปทวงเงินนางสาวกุ๊กก็บ่ายเบี่ยงตลอด และกลับมาชักชวนให้ตนร่วมลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยอ้างว่าจะนำกำไรจากธุรกิจปั๊มน้ำมันมาจ่ายคืนหรือใช้หนี้ให้กับ น.ส.อ้อม ทั้งหมด โดยพูดจาหว่านล้อม จนใจอ่อนยอมลงทุนด้วย เป็นครั้งที่ 2 โดยขายทรัพย์สินหลายอย่าง เช่น รถแม็คโคร 4 คัน ที่มีไว้รับจ้างถมที่ดิน รถยนต์ 3 คัน และทองรูปพรรณของคนในครอบครัว รวมเงินลงทุนครั้งที่ 2 อีกประมาณ 8 ล้านบาท ที่โอนให้กับ น.ส.กุ๊ก เพียงหวังจะได้เงิน 2 ล้านบาทที่ลงทุนในครั้งแรกกลับคืนมา


แต่สุดท้ายธุรกิจปั๊มน้ำมันก็ไม่เกิดขึ้นจริง ทำให้สูญเงินเป็นครั้งที่ 2 ต่อมามีการทวงหนี้เงินจำนวนดังกล่าวหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนฟางเส้นสุดท้ายที่มีการนัดเจรจากันบนโรงพัก แต่ฝ่าย น.ส.กุ๊ก กลับไม่เจรจาด้วยและเดินหนี ด้วยความโกรธ จึงจิกศีรษะ น.ส.กุ๊ก ตามภาพที่ปรากฏบนโซเชียล

น.ส.อ้อม ย้ำว่าผู้เสียหายที่ถูกโกงเงินมาแจ้งความพร้อมตนในวันนี้ อีก 3 คน ถูกหลอกเอาเงินในลักษณะต่าง ๆ กัน รวมเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท เบื้องต้นจะแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงไว้ก่อน จากนั้นจะกลับไปรวบรวมผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด เพื่อจะขยับข้อหาให้มีโทษหนักขึ้น คือ ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีผลให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน น.ส.กุ๊ก และสามี เพื่อยึดอายัดตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วนกรณีที่จิกศีรษะ น.ส.กุ๊ก บนโรงพัก หากถูกแจ้งความก็พร้อมที่จะต่อสู้คดี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ตร.ขอความเป็นธรรม ปมโดนให้ออกจากราชการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หอบหลักฐานยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ

เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลโรงงานย่านพระราม 2

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในโรงงานย่านพระราม 2 ควันสีขาวลอยโขมง เบื้องต้นพบเป็นสารไทโอยูเรีย

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง