กรุงเทพฯ 8 ม.ค.-โฆษก บช.น. กำชับตำรวจบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มร้านอาหารขายสุราตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเผยคลัสเตอร์ข้าวสารไม่พบเจ้าหน้าที่บกพร่อง
วันที่ 8 มกราคม 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนเวลาการจำหน่ายสุรา ว่าขณะนี้ยังรอทางศบค. รัฐบาล กรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานครยังเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว การดำเนินการในส่วนของผับ บาร์ คาราโอเกะยังไม่เปิดอยู่แล้ว การดื่มสุรายังสามารถดื่มได้ถึงเวลา 23.00 น. แต่มีข้อมูลว่าอาจจะปรับเวลาเป็น 21.00 น. ขณะนี้ยังคงเหมือนเดิม ทางเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติไปซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประชุมเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เมื่อศบค.ประกาศเป็นเวลา 21.00 น. จะมีการประชุมกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เตรียมความพร้อมในการดำเนินการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ทางตำรวจได้เพิ่มกำลังในการตรวจสอบและเพิ่มความเข้มมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้เมื่อมีการปรับเวลาก็จะต้องเพิ่มความเข้มให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ได้จับกุมจำนวน 49 ราย เป็นการจำหน่ายสุราในเวลาห้าม 28 ราย และอีก 21 รายเป็นการจำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาตจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร จากการกวดขันในระยะหลังไม่ค่อยพบการกระทำความผิด ส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย
ส่วนกรณีการเกิดคัสเตอร์ย่านถนนข้าวสาร พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ในถนนข้าวสารมีการดำเนินการค่อนข้างเป็นระบบมาก การปฏิบัติตั้งแต่สำนักงานเขต สถานีตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม เทศกิจ และสมาคมผู้ประกอบการ มีการวางระบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ตามที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลาย ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการจะต้องผ่านการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม หากเกิน 3 เดือนจะต้องตรวจATK ซึ่งจุดที่ตรวจจะบล็อคหัวท้ายถนนตั้งแต่ถนนจักรเพชร และถนนตะนาว ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการก่อนซึ่งตรวจพบถึง 60 กว่ารายและส่งเข้ารับการรักษา ทั้งนี้ในช่วงปีใหม่มีผู้มาใช้บริการแล้วติดในส่วนหนึ่ง ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบว่าหลุดเข้าไปในส่วนจุดไหน แต่มาตรการต่างๆ ที่ทำมาได้เข้มงวดมาโดยตลอด การตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าเป็นความบกพร่องในส่วนของเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีการเปลี่ยนสภาพจากผับบาร์เป็นร้านอาหารสามารถทำได้หรือไม่ ทางพล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ในส่วนนี้เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล ซึ่งมาตรการโควิดและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนจะต้องทำควบคู่กันไป ทางรัฐบาลและทุกฝ่ายเห็นชอบตรงกัน จึงกำหนดมาตรการให้สังคมสามารถไปได้อย่างปลอดภัยและประชาชนก็อยู่ได้ด้วย ในกรณีสถานบริการที่เคยได้รับอนุญาตเป็นสถานบริการ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายออกมาว่าแทนที่จะเป็นผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานบริการก็ปรับมาเป็นร้านอาหาร จำหน่ายอาหาร และสุรา ได้ไม่เกินเวลาที่กำหนด ซึ่งทางตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ทาง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมของศบค.ในมติที่จะประกาศออกมา ซึ่งจะต้องจับตาดูข้อกำหนดที่จะประกาศออกมาโดยเฉพาะเรื่องการแปรสภาพจากสถานประกอบการเป็นร้านอาหาร มีแนวคิดจะต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องไปดำเนินการขออนุญาตตามขั้นตอน เช่น หากเป็นเจ้าของผับจะถือวิสาสะเปิดขายอาหารเลยคงไม่ได้ จะต้องไปดำเนินการตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดได้กำหนดไว้ด้วย เพราะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 มกราคมนี้ เพื่อจะดำเนินการขายอาหารได้หลังจากนี้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมเป็นต้นไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า การปรับในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสีส้ม 69 จังหวัด โดยเฉพาะเรื่องของการเข้าในพื้นที่ มาตรการเว้นระยะห่าง จำนวนบุคคลที่สามารถเข้าไปในแต่ละพื้นที่ หรือทำกิจกรรม เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดจะต้องไปดู ซึ่งทางตำรวจพยายามไม่ให้เกิดเงื่อนไข หรือคัตเตอร์ใหม่ๆ ขณะนี้การฉีดวัคซีนเข็ม 2 หรือเข็ม 3 ครอบคลุมประชาชนส่วนใหญ่แล้ว ทางร้านอาหารก็จะมีมาตรการต่างๆ เช่น การเว้นระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิ เพื่อดำเนินการให้ถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะจำนวนคนที่สามารถเข้าไป และระยะเวลาในการเปิด-ปิด ทั้งนี้ตำรวจจะกวดขันจับกุมหากพบว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด.-สำนักข่าวไทย