fbpx

รวบเครือข่ายค้ากัญชาแห้งอัดแท่ง 240 กก.

บช.น.7 ม.ค.- ตำรวจนครบาล 7 รวบเครือข่ายค้ากัญชาขณะลักลอบขนกัญชาแห้งอัดแท่ง 240 กิโลกรัม เข้าพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

พลตำรวจตรีนิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงการจับกุมผู้ต้องหา 3 รายเครือข่ายค้าขายกัญชา  ประกอบด้วย นายอาภากร ลาบสาร  อายุ 20 ปี นายสุทธิพงษ์ อายุ 27 ปี และนายมานพ อายุ 48 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาแห้งอัดแท่ง) จำนวน 6 กระสอบ รวมกัญชาจำนวนทั้งสิ้นน้ำหนักประมาณ 240 กิโลกรัม รถจักรยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขพธ 643 ระยอง จำนวน 1 คัน รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซู รุ่นดีแม็ก สีขาว หมายเลขทะเบียน ผฉ 6886 อุบลราชธานี จำนวน 1 คัน


โดยคดีนี้ตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 7 ได้รับข่าวว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ได้มีการขนยาเสพติดจากแนวชายแดนจังหวัดนครพนมไปส่งยังจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งใช้เส้นทางในพื้นที่นครบาล 7 อยู่หลายครั้ง  

จนเมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา สายลับแจ้งว่าจะมีการขนส่งลำเลียงยาเสพติดอีกครั้งโดยใช้เส้นทาง ถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้า  ถนนพุทธมณฑลสาย 4 จึงได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์และดักซุ่มติดตามและพบรถยนต์(กระบะ)ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีขาว ทะเบียน ผฉ 6886 อุบลราชธานี ตามที่สายลับแจ้งข่าว จึงได้ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวไปจนถึง วัดบางปิ้ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พบนายมานพ  พงษ์ศิริ  ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดเพื่อจะรับยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเข้าตรวจค้นรถพบนายอาภากร  ลาบสาร เป็นคนขับมีนายสุทธิพงษ์ สีทา นั่งข้างคนขับ และพบกัญชาของกลาง


จากการสอบปากคำนายอาภากร  ยอมรับว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายอ้อ(ไม่ทราบชื่อสกุลจริง)ให้ขับรถยนต์บรรทุกขนกัญชาจาก จังหวัดนครพนม เพื่อไปส่งต่อที่วัดบางปิ้ง มานานประมาณ 2 ปี โดยจะเดินทางมากับนายสุทธิพงษ์  ซึ่งเป็นสาวประเภทสองที่เป็นคนรักอยู่กินกันมาประมาณ 1 ปี  ซึ่งตลอดการเดินทางจะมีนายอ้อคอยสั่งการผ่านทางโทรศัพท์และผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ว่าจะมีผู้มารับกัญชาไปแต่ตนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นและจับกุมในที่สุด   

ส่วนนายมานพ  ให้การว่าตนได้รับว่าจ้างจากนายสันติ(ไม่ทราบชื่อสกุลจริง)ให้ไปเฝ้ารถยนต์ที่บรรทุกกัญชา ที่มีคนนำมาจอดที่วัดบางปิ้ง แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน จากนั้นชุดจับกุมจึงได้บันทึกจับกุม/ยึดทรัพย์ และนำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง สภ.เมืองสมุทรสาคร ทั้งนี้เบื้องตนเชื่อว่ากัญชาล็อตดังกล่าวมีแนวโน้มเดินทางไปใน 2เส้นทางคืออาจจะมีการขนย้ายลงเรือเพื่อไปพื้นที่อื่น  หรืออาจจะถูกใช้ในพื้นที่ จ.สมุทรสาครในชนชั้นแรงงานเพราะมีโรงงานมาก  เบื้องต้น แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในครอบครอง เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” และส่งตัวดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ใต้ พายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อย

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว