เปิด 10 ฉายาตำรวจปี 2564 ผบ.ตร. “หมอปั๊ด ตัดเนื้อร้าย”

กทม. 25 ธ.ค.-ฉายาตำรวจปี 2564 มี 10 นาย ผบ.ตร. ฉายา “หมอปั๊ด ตัดเนื้อร้าย”, พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ “เด่นชิงดำ”, พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ “โจ๊ก บิ๊กคัมแบ็ก”, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย “มือปราบยานรก”, พล.ต.ท.จิรภพ ฉายา “จิรภพ ครบ เครื่อง”, พล.ต.ต.นพศิลป์ ฉายา “อาจารย์นพ จบทุกจ็อบ”

นานไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายสมชาย จรรยา นายสุรชัย นิโครธานนท์ รองอุปนายกสมาคมฯ นายธนากร ริตุ เลขาธิการสมาคมฯ นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความประจำสมาคมฯ พร้อมด้วยตัวแทนจากสื่อต่างๆ ร่วมกันคัดเลือกและพิจารณาตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2564 จำนวน 10 นาย


นายไพโรจน์ เทศนิยม กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวฯ ได้เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายาได้มีการประชุมร่วมกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่างๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามาและทำการคัดเลือกเหลือเพียง 10 นาย มีดังนี้

1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา “หมอปั๊ด ตัดเนื้อร้าย” เป็นอีกปีที่มีข่าวคราวอื้อฉาวในแวดวงการสีกากี โดยเฉพาะคดี “อดีตผู้กำกับโจ้” ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในตำรวจ ซ้ำเติมวิกฤติเดิมเกี่ยวโยงกับคดี “บอสกระทิงแดง” และอีกหลายกรณี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง สร้างแรงสั่นสะเทือนลดทอนความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออย่างหนักแน่นว่า “นิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้งเป็นนิ้วๆ” เป็นการส่งสัญญาณเตือนนัยๆ ว่าไม่เลี้ยงคนผิด เปรียบเสมือนหมอที่ต้องผ่าตัดเนื้อร้ายทิ้งก่อนที่จะลุกรามไปทั่วร่างกาย และตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 64 สำนักงานตำรวจแห่งชาติไล่ตำรวจออกจากราชการ 166 นาย สั่งปลดจากราช 47 นาย ให้ออกจากราชการ 9 นาย รวม 222 นาย จึงเป็นที่มาของฉายา “หมอปั๊ด ตัดเนื้อร้าย”


2.พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา “เด่น ชิงดำ” โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีชื่อเล่นว่า “เด่น” ด้วยบุคลิกสุขุม นุ่มลึก บวกกับความสามารถจนเป็นที่ไว้วางใจทำให้ได้รับมอบหมายงานสำคัญ อาทิ การปราบปรามแก๊งซิ่งป่วนเมือง เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดจนภารกิจอื่นๆ เรียกได้ว่า ฉายแววโดดเด่นในเรื่องงาน เป็นอีกหนึ่งนายพลตำรวจที่น่าจับตามองว่าจะมาสานงานต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในการรับไม้ดูแลกรมปทุมวัน จึงได้รับฉายา “เด่น ชิงดำ”

3.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) นรต.รุ่น 40 ฉายา “นายพล take me home” จากปัญหาบ่อนพนันภาคตะวันออก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งโยก พล.ต.ท.วีระ จีรวีระ ผบช.ภ.2 เข้ากรุ พร้อมส่ง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รักษาการแทน หลังปล่อยให้มีบ่อนผุดขึ้นเต็มพื้นที่ และที่สำคัญ ยังเป็นต้นตอการแพร่เชื้อโควิด-19 จนนำไปสู่การจับกุม “หลงจู๊สมชาย” ในข้อหาจ้างวานฆ่าและฟอกเงินพร้อมอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการกระทำความผิดไว้ ตรวจสอบ และล่าสุด พล.ต.อ.รอย ได้สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ บุกเข้าช่วยเหลือคนไทยในตึกใหญ่กลางเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชาต หลังถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นคนไทยด้วยกันเองและถูกขังเยี่ยงทาสบังคับให้ทำงานโดยสามารถพากลับสู่บ้านเกิดนับร้อยรายจึงได้รับฉายา นายพล take me home

4.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา “โจ๊ก บิ๊กคัมแบ็ก” หลังจากที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ใช้ชีวิตแบบเงียบๆ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ปีเต็ม โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลับเข้ามารับราชการเป็นตำรวจอีกครั้ง ด้วยการโอนกลับเข้ามาไปเป็นที่ปรึกษา สบ 9 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ก็กลับมาผงาดอีกครั้งในตำแหน่งหลักผู้ช่วย ผบ.ตร.และด้วยอายุราชการเหลือ 10 ปี ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะขึ้นรอง ผบ.ตร. และอาจจะเป็น ผบ.ตร.ภายในวัย 54-55 ปี และอาจจะทำลายสถิติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ที่ทำไว้ กึ่งทศวรรษ


5.พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายา “สำราญ สำเร็จ” เป็นนายพลหนุ่มแห่ง นรต.รุ่น 50 ลูกหม้อนครบาลขนานแท้ ด้วยเคยเป็นเด็กวัด คอยเดินตามพระวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี กินข้าวก้นบาตรทุกวัน มีความมุ่งมั่น ผ่านงานสอบสวน สืบสวน ปราบปราม หรืองานสำคัญ ทำให้ถูกวางตัวคุมทัพเมืองหลวง สานต่อภารกิจสำคัญ จัดการปัญหาอาชญากรรมในเมืองหลวงและทันทีที่ก้าวมารับตำแหน่ง ผลงานเด่น อาทิเช่น การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด อาวุธปืน หมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมายจึงเป็นที่มาของฉายา “สำราญ สำเร็จ”

6.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ฉายา “จิรภพ ครบ เครื่อง” ถือเป็นนายพลหนุ่มไฟแรงที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูหน่วยงานสำคัญ ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบปราม และด้วยโปรไฟล์การศึกษา ที่จบปริญญาโทด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน สหรัฐ ปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐ และประสบการณ์สะสมในการทำงาน จนก้าวมาถึงตำแหน่งแม่ทัพสอบสวนกลาง เรียกได้ว่าครบเครื่อง

7.พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ฉายา “มือปราบยานรก” ในปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.ปิยะ ผลงานโดดเด่นในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ตำรวจนครบาล ควบคู่กับการดำเนินคดีกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง จนผลงานเข้าตารัฐบาล จากเมืองกรุงส่งไปคุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนซึ่งเป็นพื้นที่ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่จังหวัดชั้นในและภาคใต้ ถือว่าเป็นการสนองโยบาลรัฐบาลที่กำหนดให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-10 ธ.ค.64 สามารถจับกุมยาบ้าได้กว่า 44 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 684,412 กก. เฮโรอิน 43,999 กก.กัญชาแห้ง 13,030 กก.กัญชาสด 622,209 กก.ฝิ่น19,363และยาเค41,001 กก.อายัดทรัพย์สินได้กว่า 21 ล้านบาท จนได้รับโล่การปราบปรามยาเสพติด ระดับดีเลิศ (อันดับ 1 ของประเทศ) จากท่านนายกรัฐมนตรี จึงได้รับ ฉายา “มือปราบยานรก”

8.พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉายา “ไซเบอร์ แจง แรงแล้วจ้า” หลังจากปีที่แล้วทางสมาคมตั้งฉายา “แจง 5 จี” มาปีนี้ เดอะแจง ผลงานดีเร่งสปีดตั้งแต่ต้นปี คุมทัพนักรบไซเบอร์กวาดล้างอาชญากรรมเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไล่เรียงตั้งแต่ จับกุมจิ้งจอกสาว “พิยดา” ที่หลอกขายไอโฟนให้เด็กมัธยม,ไม่เว้นแม้แต่การปราบปรามขบวนการฉ้อโกง แอพเงินกู้ ออนไลน์ รวมทั้งจับกุม “น้องไข่เน่า พร้อมแฟนหนุ่ม” ที่ทำคลิปสยิวผ่านแพล็ตฟอร์ม โอนลี่แฟน รวมแล้วสามารถจับกุมได้ 4,167 ราย ผู้ต้องหา 4,870 คน โดยมียอดรวมมูลค่าความเสียหายกว่า7 พันล้าน อย่างนี้ไม่แรงแล้วจะเรียกว่าอะไร จึงได้ฉายา “ไซเบอร์ แจง แรงแล้วจ้า”

9.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ฉายา “พยัคฆ์ร้ายคืนถิ่น” เป็นนายตำรวจที่มีผลงานจนได้รับความไว้วางใจดูแลพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ที่มี 8 จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทำให้คุ้นชินพื้นทีเดินได้ทำงานต่อเนื่อง และทันทีที่พล.ต.ท.ธนายุตม์ ก้าวมาดำรงตำแหน่งสั่งกวาดล้างอาชญากรรม-สางคดีเก่า-ลอบเข้าเมืองผิด กม.จนสามารถปิดคดีสำคัญๆได้หลายคดี จึงได้รับฉายาว่า “พยัคฆ์ร้ายคืนถิ่น”

10.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล ฉายา “อาจารย์นพ จบทุกจ็อบ” เรียกได้ว่าเป็นนักสืบยุค 5 จี บนเส้นทางนักสืบได้ถ่ายทอดวิชาแก่นักสืบรุ่นหลัง และบ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของ ผบ.ตร. หลายยุคหลายสมัยเห็นได้จากในสมัยที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ก็เรียกใช้ ผู้การนพ เป็นทีมงานคลี่คลายในหลายคดี ยาวมาถึง บิ๊กปั๊ด เป็นผู้นำหน่วย ผู้การนพ หรืออาจารย์นพ ก็ยังเป็นตัวหลักคดี “น้องชมพู่” นำไปสู่การจับกุม นายไชย์พล หรือลุงพล วิภา ปิดคดีสะเทือนขวัญฆ่าแหม่มนักท่องเที่ยวชาวสวิสพื้นที่ จ.ภูเก็ต และชุดไล่ล่ากดดันจน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ จนต้องขอมอบตัว เรียกได้ว่ามีนพศิลป์ที่ไหนคดีต่างๆมักจะถูกคลี่คลาย จึงเป็นที่มาของ “อาจารย์นพ จบทุกจ็อบ”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย