กทม.22 ธ.ค.- ศาลตลิ่งชันให้ประกันลูกชาย รอง ผบก.น.8 ก่อเหตุข่มขืนนักเรียนหญิงวัย 17 ปี หลังครอบครัวหอบเงินสด 200,000 ยื่นขอต่อศาล
หลังพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ยื่นคำร้องฝากขัง นายนรวิชญ์ ผู้ต้องหาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ฝ 311/2564 ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี ในฐานความผิด “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น และพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร”เหตุเกิดบริเวณโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และโรงแรมในตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
พฤติการณ์เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุผู้เสียหาย รู้จักกับผู้ต้องหาผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กโดยไม่เห็นหน้ากัน และนัดเจอกันครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 และพารับประทานอาหาร แล้วแยกย้ายกันกลับ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ผู้ต้องหาชักชวนให้ผู้เสียหายสมัครบัญชีเว็บไซต์ onlyfans ซึ่งเป็นเว็บถ่ายภาพแนววาบหวิว โดยผู้ต้องหานัดหมายไปถ่ายภาพที่โรงแรมแต่ไม่ได้ระบุโรงแรม ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ผู้ต้องหามารับผู้เสียหายบริเวณโรงเรียนย่านตลิ่งชัน จากนั้นพาไปยังโรงแรมในตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย และเข้าไปที่พักโรงแรมฯดังกล่าว แล้วผู้ต้องหาได้กระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและถ่ายคลิปวีดีโอไว้ จากนั้นผู้ต้องหาถามว่าอยากจะทานอะไรหรือจะเอาเงิน 500 บาท ผู้เสียหายแจ้งว่าเอาเป็นเงิน 500 บาท จากนั้นผู้ต้องหาไปส่งบริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปิ่นเกล้า และต่อมาผู้เสียหายพร้อมครอบครัวได้เข้าแรงความดำเนินคดีนายนรวิชญ์ กับพนักงานงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ผู้ต้องหาได้ติดต่อขอมอบตัวและเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา(22 ธ.ค.) โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องฝากขัง ครอบครัวผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาทขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต
หลังได้รับการปล่อยตัว ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายนรวิชญ์ บอกเพียงว่าขอให้การในชั้นศาล ส่วนบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็น รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 (รอง ผบก.น.8) กล่าวทางโทรศัพท์ว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และไม่สะดวกให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย