กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – ความคืบหน้าคดีลูกรองผู้บังคับการ สังกัดตำรวจนครบาล ล่อลวงเยาวชนอายุ 17 ปี ไปข่มขืนในโรงแรมม่านรูด ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับ พร้อมฝากถึงผู้ต้องหาเป็นลูกผู้ชายทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ ต้องรับผิดชอบ
หลังเยาวชนอายุ 17 ปี พร้อมบิดา ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจยศร้อยตำรวจตรี สังกัดตำรวจนครบาล เข้าแจ้งความว่าถูกวัยรุ่นอายุ 27 ปี ลูกชายรองผู้บังคับการ สังกัดนครบาล หลอกพาไปข่มขืน เข้าแจ้งความวานนี้
เธอเริ่มรู้จักผู้ต้องหาจากการแชทในโลกออนไลน์ เคยนัดไปกินข้าวกัน 1 ครั้ง แต่ฝ่ายหญิงไม่ชอบ จึงเลิกติดต่อกันไป จากนั้นเธอโพสต์ว่าอยากถ่ายรูปสวยๆ ผู้ต้องหาสบโอกาส ติดต่อกลับมาอีก อ้างมีกล้อง และเลนส์แบบมืออาชีพ จะพาไปถ่ายรูป ทำให้เธอหลงเชื่อ โดยผู้เป็นพ่อเริ่มขอความเป็นธรรม เพราะตัวเองเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย แต่ผู้ต้องหาเป็นถึงลูกนายตำรวจ จึงเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
จากการตรวจสอบวงจรปิด เราพบรถเก๋งคัมรี่สีดำ ของผู้ต้องหาตามคำให้การของเด็กหญิงผู้เสียหายจริง รถกำลังมุ่งหน้าเข้าไปม่านรูด โดยช่วงเวลา 16.00 น.เศษ ของวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค. ผู้ต้องหาออกอุบายไปรับหญิงสาวจากหน้าโรงเรียน อ้างจะพาไปถ่ายรูป แต่กลับเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ย่าน ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ก่อนลงมือข่มขืน และให้เงินค่าปิดปาก 500 บาท นี่เป็นหลักฐานที่บิดาของผู้เสียหายนำมาแจ้งความ
วันนี้ รอง ผบช.น. ระดมทีมสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ยอมรับมีชายลึกลับโทรศัพท์หาบิดาผู้เสียหายที่ถูกข่มขืนจริง แต่บิดาผู้เสียหายไม่ได้พูดคุยด้วย เนื่องจากไม่ทราบปลายสายเป็นใคร ส่วนทางคดี ขณะนี้ทีมสหวิชาชีพอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย และขออนุมัติศาลออกหมายจับ ยืนยันคดีดังกล่าวไม่ว่าเป็นลูกใครก็ถูกจับ
ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เปิดเผยว่า ขณะนี้ชายอายุ 27 ปี ผู้ถูกกล่าวหาประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวแล้ว เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฐานความผิดพรากผู้เยาว์ และกระทำอนานาจ, ข่มขื่นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นลูกของใครก็ตาม
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจจุดเกิดเหตุโรงแรมม่านรูด บน ถ.ราชพฤกษ์ ห้องเกิดเหตุหมายเลข 210 พบว่าห้องพักเมื่อจอดรถรูดม่านปิดแล้ว ต้องเดินขึ้นห้องไปที่ชั้น 2 แสดงว่ากรณีนี้ฝ่ายชายต้องใช้กำลังบีบบังคับให้หญิงสาวขึ้นไปบนห้อง เมื่อสอบถามพนักงานบอกว่าวันเกิดเหตุไม่มีคนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด ขณะที่การตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าพัก หากเป็นการเช่าแบบชั่วคราว พนักงานจะไม่ขอตรวจบัตรประชาชน แต่หากค้างคืนทางโรงแรมจึงจะขอดูบัตร ทำให้กรณีนี้ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้เปิดห้อง
ทีมข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์กับรอง ผบก.น. บิดาของวัยรุ่นรายนี้ แต่ได้รับคำตอบว่ายังไม่สะดวกคุย และวางสายไป ตรงกันข้ามกับพ่อของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ยอมรับว่ากังวลเป็นอย่างมาก แต่ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา.-สำนักข่าวไทย