เปิดใจ “พ่อค้าเสื้อวินเทจ” จ่ายเงินไม่ได้ของ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – เปิดใจพ่อค้าโดนโกง โอนเงินเป็นหมื่นซื้อเสื้อวินเทจแต่ไม่ได้ของ บุกตามทวงถึงบ้าน เจอแม่ค้าเรียกเพื่อนมารุม พบมีประวัติโกงคนในลักษณะนี้มาแล้วหลายราย ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด


นี่เป็นจังหวะที่วัยรุ่นเกือบ 20 คน กำลังชุลมุนต่อยตีกันกลางถนนประชาอุทิศ ปากซอยประชาอุทิศ 58 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร พบว่าบางคนใช้อาวุธมีด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ รีบเข้าระงับเหตุ และระหว่างนั้นยังเห็นมีประชาชนถ่ายคลิปเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นเอาไว้ หลังเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่หยุด ยังตามมาด่ากันต่อ

ในเสียงที่ทะเลาะกันจะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ “ตี๋” ทราบภายหลังว่านายตี๋คนนี้คือคนที่สั่งซื้อเสื้อวินเทจ 10 ตัว ผ่านเพจ และโอนเงินไปแล้ว 14,950 บาท แต่ไม่ได้เสื้อ จึงตามมาทวงที่บ้านภายในซอยประชาอุทิศ 58 เขตทุ่งครุ แต่เจ้าของบ้านกลับต่อว่าต่างๆ นานา และเกิดปะทะคารมกันรุนแรง จนเป็นที่มาของต่างฝ่ายต่างไลฟ์ทางเฟซบุ๊กของตน ซึ่งฝั่งนายตี๋ยังรู้มาอีกว่าเจ้าของบ้านยังโกงในลักษณะไลฟ์หลอกขายเสื้อแนววินเทจแบบนี้ มีผู้เสียหายอีกหลายคน


นายตี๋เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ได้สั่งซื้อและนัดหมายรับเสื้อกันที่ย่านสำโรง แต่รอ 2 ชั่วโมง กลับไร้วี่แวว โทรไปก็ไม่รับสาย และถูกบล็อกเฟซบุ๊ก จึงมั่นใจว่าโดนโกง จึงไปแจ้งความที่ สภ.สำโรง แต่โดนปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน. พื้นที่เกิดเหตุ ตนจึงกลับบ้านย่านห้วยขวาง แล้วเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่รับแจ้งความเอาไว้แล้ว แต่ด้วยความร้อนใจ เมื่อสืบทราบว่าบ้านของคนที่หลอกตนอยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 58 จึงตัดสินใจขับรถมากับแฟน แล้วมาเจรจาขอเสื้อที่เสียเงินซื้อไปแล้ว แต่กลับโดนต่อว่า เเล้วเรียกพวกมารุมทำร้ายตน ส่วนภาพที่เห็นในคลิปคือคนที่อยู่ในละแวกแถวนี้มาช่วย เพื่อไม่ให้ตนและแฟนสาวโดนรุมทำร้าย จึงกลายเป็นว่าภาพที่ออกไปเหมือนมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน ซึ่งตนโดนมีดฟันที่ขา

ด้านแม่เจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน บอกว่าไม่รู้เรื่อง ลูกสาวเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินค่าเสื้อเท่านั้น และลูกสาวก็ไม่ได้อยู่กับตน เมื่อมีคนมาตามหาที่บ้าน ตนก็ชวนป้าข้างบ้านไปบ้านของแฟนลูกสาวอีก เพื่อจะไปบอกไปไกล่เกลี่ยจะได้จบกันไป แต่ไปแล้วไม่เจอทั้ง 2 คน เจอแต่น้องของแฟนลูกสาว ป้าข้างบ้าน คือ ป้าเต่า อายุ 60 ปี เล่าว่าก็บอกให้เอาเสื้อให้เขาไป ซื้อขายกันแล้วจะได้จบๆ กันไป น้องที่บ้านก็ไม่ยอม ด่าทอกลับมา พอบอกให้เอาเสื้อลงมาก็ทำทีขึ้นไป แต่กลับถืออาวุธลงมา

ด้านพลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน ผู้ก่อเหตุประมาณ 20 คน ได้สั่งการ สน.ทุ่งครุ รวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนการแจ้งข้อหาจะเป็นทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่สาหัส หรือการชุลมุนต่อสู้ ต้องรอพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ จะเน้นย้ำเรื่องยุทธวิธีเข้าระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมต่อไป


รอง ผกก.ทุ่งครุ เร่งตรวจวงจรปิด ก่อนแจ้งข้อหา
พันตำรวจโทสุวัตน์ องตอง รองผู้กำกับการสอบสวน สน.ทุ่งครุ ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้ และให้ไปตรวจร่างกายเพื่อนำใบรับรองแพทย์มาแจ้งความ และวันพรุ่งนี้ได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงประเด็นที่ผู้เสียหายร้องว่าถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด ส่วนอีกฝ่ายยังไม่ทราบว่าจะมาแจ้งความหรือไม่ แต่ผู้เสียหายได้ลงบันทึกประจำไว้ที่ สน.ห้วยขวาง เป็นอำนาจหน้าที่ของ สน.ห้วยขวาง ในการออกหมายเรียกอีกฝ่ายไปสอบปากคำเพิ่มเติม และขณะนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวนติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป

เปิดใจ “พ่อค้าเสื้อวินเทจ” จ่ายเงินไม่ได้ของ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
ทีมข่าวสำนักข่าวไทยไปที่บ้านของนายตี๋ พ่อค้าเสื้อมือ 2 ชี้ให้ดูร่องรอยบาดแผลถูกคู่กรณีใช้มีดฟันที่ขาขวาด้านหลัง เป็นรอยแผลยาวประมาณ 1 คืบ และยังมีอาการบาดเจ็บจากการถูกถีบที่ลำตัว ส่วนแฟนสาวที่ไปทวงถามเงินค่าเสื้อมือ 2 ด้วยกันถูกจิกหัวตบและเตะ ตามภาพที่มีการไลฟ์เหตุการณ์ในเฟซบุ๊ก หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งครุ จากการตรวจร่างกายที่ รพ.เพชรเวช แพทย์นัดหมายให้ไปรับผลการตรวจร่างกายในสัปดาห์หน้า

นายตี๋บอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักกับนายดำ คู่กรณีที่ติดต่อซื้อขายเสื้อมาก่อน แต่ถูกทักมาทางเฟซบุ๊ก เชื่อใจเพราะเห็นว่าระหว่างการพูดคุยมีการวิดีโอคอลให้เห็นตัวตนและสินค้า จึงโอนเงินให้ไป 3 ครั้งรวม 14,950 บาท นัดหมายส่งเสื้อที่ห้างอิมพีเรียล สำโรง สุดท้ายคู่กรณีไม่มาตามนัด และบล็อกเฟซบุ๊ป จึงไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง และประกาศตามหาเบาะแสทางโซเชียล จนมีคนรู้จักและเคยถูกคู่กรณีหลอกลวง ให้เบาะแสที่อยู่ย่านทุ่งครุ ก่อนไปตามหาที่บ้านพักได้ติดต่อตำรวจ สน.ห้วยขวาง ให้ช่วยติดตาม แต่ถูกตำรวจปฏิเสธ อ้างว่าคดีฉ้อโกงมีเยอะ และไม่มีอำนาจ จึงไปติดต่อ สน.ทุ่งครุ เจ้าของพื้นที่ ให้เบอร์ติดต่อหากมีเหตุฉุกเฉิน

นายตี๋บอกว่าตอนแรกไม่ต้องการเอาเรื่อง แต่หลังถูกรุมทำร้าย เปลี่ยนใจจะดำเนินคดีกับคู่กรณีและพวกจนถึงที่สุด เพราะเจตนาโกงและมีประวัติโกงคนในลักษณะนี้มาแล้วหลายราย ที่สำคัญยังพาพวกมารุมทำร้ายตนและแฟนสาว พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์ การซื้อขายของทางออนไลน์ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ ก่อนโอนเงินต้องตรวจสอบให้รอบคอบ และใช้วิธีซื้อขายโดยตรงแบบเห็นตัวเห็นของจะดีที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

คณะทูตออตตาวา ลงพื้นที่ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค.-รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ถึง จ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่สำรวจและตรวจการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร หวังให้ประชาคมโลกเข้าใจถึงปัญหา และช่วยกดดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ เมื่อช่วงใกล้เที่ยงที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตจากประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ องค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวม 36 คน จาก 33 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เข้าฟังการบรรยายสรุปภาพรวมจังหวัดชายแดน ณ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีตัวแทนชาวบ้าน 5 คน ที่ได้รับผลกระทบมาร่วมให้การต้อนรับด้วย บริเวณด้านหน้าห้องประชุมได้ติดตั้งป้ายตัวอย่างความเสียหายบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากเหตุปะทะ โดยเสียหายหนักและเสียหายทั้งหลัง 36 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 320 หลังคาเรือน พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สถานที่ราชการ เสียหาย 14 แห่ง ตามกำหนดการเดิม 13.00 น.คณะทูตจะขึ้นไปยังภูมะเขือเพื่อสำรวจพื้นที่ทุ่นระเบิด […]

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย