เพลิงไหม้ชุมชน ซ.อิสรภาพ 43 ชาวบ้านหนีตายวุ่น

กรุงเทพฯ 3 ธ.ค. – ไฟไหม้ชุมชนบ้านไม้เก่าในซอยอิสรภาพ 43 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ชาวบ้านเผยนาทีระทึก ลูกไฟวิ่งตามสาย ก่อนพุ่งเข้าบ้านวอดมากกว่า 5 หลัง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


พันตำรวจโทอัสนีชัย เร่งเทียน สว.สอบสวน สน.บางกอกใหญ่ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยอิสรภาพซอย 43 จึงรีบจัดกำลัง พร้อมประสานรถดับเพลิง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และรถน้ำของอาสาสมัคร พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ พบเหตุเกิดภายในซอยอิสรภาพซอย 43 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พบกลุ่มควันสีดำและแสงเพลิงจำนวนมากเกิดจากบ้านเลขที่ 159/20 เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แสงเพลิงเกิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าวแล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไปติดบ้านข้างๆ ที่ปลูกติดกัน ส่วนใหญ่เป็นลักษณะบ้านไม้เก่า ซึ่งติดไฟง่ายอยู่แล้ว ประกอบกับพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นซอยคับแคบ จึงทำให้รถดับเพลิงขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ ต้องใช้รถขนาดเล็กแล้วต้องแบกเครื่องหาบหามเข้าไปเท่านั้น และภายในชุมชนแห่งนี้ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติและประปาหัวแดง จึงต้องใช้น้ำจากท่อระบายน้ำเป็นหลักในการสูบน้ำขึ้นมาเพื่อดับไฟ จึงทำให้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ ภายในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีเพียงบ้านเรือนประชาชนที่ถูกไฟไหม้ทั้งหมดมากกว่า 5 หลังคาเรือน แต่ยังไม่สามารถสรุปยอดที่แท้จริงได้ ต้องรอการตรวจสอบอีกครั้งถึงจะทราบจำนวนบ้านที่เสียหายอย่างชัดเจน


เบื้องต้นทราบสาเหตุจากเจ้าของบ้านต้นเพลิง และประชาชนภายในชุมชนแห่งนี้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นลูกไฟวิ่งจากสายไฟฟ้าไปตามสายแล้วหยดเป็นลักษณะของยางที่ถูกความร้อน ทำให้เป็นลักษณะแบบหยดลูกไฟลงตรงบริเวณบนชั้นที่ 2 ของบ้านต้นเพลิง แล้วไฟลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วลามไปติดบ้านเรือนที่ปลูกติดกันอีกหลายหลัง ชาวบ้านแถวนี้ต่างช่วยกันพยายามดับแล้วแต่ไม่เป็นผล จึงต้องรีบขนข้าวของออกมาจากบ้าน แล้วต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างโกลาหล

จากการสอบถามคุณป้าปัทมาพร มะโนตา อายุ 70 ปี บอกว่า ตนนั่งอยู่ในบ้านกับญาติอีกคน พอได้ยินเสียงตะโกนว่าไฟไหม้ ตนก็ออกมาชะโงกมอง พอเห็นไฟก็รีบออกนอกบ้าน ไม่ได้เอาอะไรติดตัวออกมาเลย คว้าแต่โทรศัพท์ออกมาอย่างเดียว

นายอาวุธ เอี่ยมผา อายุ 27 ปี คนเห็นเหตุการณ์ บอกเล่าว่า ตนมาหาญาติที่นี่ ตนยืนอยู่ใกล้กับเสาไฟหน้าบ้านร้าง ตอนนั้นมีกระแสไฟแล้วมีสะเก็ดไฟหล่นลงมาและเสียงเหมือนหม้อแปลงระเบิด สักพักบ้านร้างก็ไหม้ไฟแดงขึ้นเลย ตอนนั้นตนได้แต่ตะโกนบอกให้คนในบ้านแถวนั้นรีบออกมาให้เร็วที่สุด


คุณนก อายุ 50 ปี ผู้เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ บอกว่า บ้านตนไฟไหม้หมดเลย ในนั้นไหม้หลายหลัง เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้แบ่งให้เช่าหลายห้อง

นายศาสตราวุฒิ สว่างชื่น อายุ 37 ปี เจ้าของออสก้าหมูกระทะ บ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ บอกว่า ตนอยู่ข้างนอก แล้วมีคนรู้จักกันในนี้โทรบอกตนว่าบ้านไฟไหม้ ตนรีบเข้ามาดูบ้านก็ไหม้หมดแล้ว เหลือแต่ตอ คือบ้านตนตัดไฟตัดน้ำหมดแล้ว เตรียมจะรื้อ แต่พื้นที่เป็นที่ส่วนบุคคล ต้องติดต่อหลายที่กว่าจะดำเนินการรื้อถอนได้ เห็นคนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าไฟไหม้จากเสาไฟแล้วลามเข้ามาที่บ้านข้างๆ

นายพจน์ ไซฟัก อายุ 51 ปี บ้านต้นเพลิง บอกว่า ตนอยู่ข้างนอก ตอนเกิดเหตุมีคนวิ่งไปบอกว่าไฟไหม้ก็รีบเข้ามา แล้วน้องคนที่เห็นบอกว่าไฟไหม้จากเสาไฟลามไปสายไฟ เป็นสะเก็ดลูกไฟหล่นใส่บ้านของตนแล้วลุกลามอย่างรวดเร็ว บ้านตนเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น

เบื้องต้นตำรวจได้ตรวจสอบและลงพื้นที่หาข้อมูลภายในที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังคงสรุปสาเหตุไม่ได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งก่อนจึงจะสรุปสาเหตุการเกิดเหตุในครั้งนี้ได้ ส่วนตอนนี้ต้องปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ก่อน โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตราย ด้านเจ้าของบ้านต้นเพลิง และพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัวไปสอบถามเพิ่มเติมที่ สน.บางกอกใหญ่ อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]