กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – ชายวัย 32 ปี คู่กรณี ร.ต.ท.นายหนึ่ง วอนเปิดกล้องวงจรปิด สน.ทางด่วน ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่ฝ่ายใดก่อน ยันโดนอีกฝ่ายทำร้ายก่อนและชักอาวุธปืนข่มขู่
กรณี ร.ต.ท.นายหนึ่ง รอง สว.จร.งานศูนย์ควบคุมจราจร ด่วน กก.2 บก.จร. ทำหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน แจ้งความดำเนินคดีกับชายอายุ 32 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ระบุว่าชายคนดังกล่าวแสดงความไม่พอใจหลังมาสอบถามประเด็นการตั้งกรวยจราจร จนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สเฉี่ยวชนกรวยเป็นรอย โดยเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นในสถานี เมื่อกลางดึกวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามข่าวนำเสนอนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 พ.ย.64 ชายอายุ 32 ปี คู่กรณี ร.ต.ท.นายดังกล่าว ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงรายละเอียดในอีกฝั่งว่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร ระบุว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สสีขาว ขึ้นทางด่วนท่าเรือ เพื่อเดินทางไปทำธุระ แต่ในขณะผ่านช่องอีซี่พาส เพื่อขึ้นสู่ทางต่างระดับ พบว่ามีการตั้งกรวยยางหลายอัน จึงพยายามหักพวงมาลัยเพื่อเบี่ยงหลบ แต่กลับไม่พ้น ชนกรวยยางและลากไปกับถนนเล็กน้อย จนหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชน
ซึ่งผู้โดยสารในรถประกอบด้วยตน ภรรยา ลูกวัย 5 ขวบ และพี่ชายภรรยา พร้อมแฟนสาวพี่ชายภรรยา ซึ่งทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการตั้งข้อสงสัยว่าจุดดังกล่าวไม่มีการตั้งจุดอำนวยการจราจร หรืองานปรับปรุงพื้นผิวถนน แต่เหตุใดจึงมีการตั้งกรวยจำนวนหลายอัน หลังไปทำธุระเสร็จจึงขับรถไปยัง สน.ทางด่วน 1 (ท่าเรือ) เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ตั้งกรวย เพื่อขอรายละเอียดจะนำไปดำเนินการตามขั้นตอน
เมื่อไปถึงพบดาบตำรวจนายหนึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ก่อนไปตาม ร.ต.ท.นายดังกล่าว ซึ่งอยู่อีกห้องหนึ่ง ให้ออกมาแนะนำ ซึ่งในระหว่างสอบถาม อีกฝ่ายพยายามบ่ายเบี่ยงให้ไปติดต่อผู้บังคับบัญชา ตนจึงขออนุญาตใช้มือถือถ่ายรูป เนื่องจากจะได้นำไปแจ้งกับอีกฝ่ายว่าคนที่แนะนำให้มาขอรายละเอียดกับผู้บังคับบัญชาคือ ร.ต.ท.นายนี้ ไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง แต่ในขณะที่จะยกมือถือขึ้นถ่ายกลับถูกอีกฝ่ายปัดมือถือจนตกลงพื้น ตนจึงเกิดความโมโหและหันไปสอบถามตามอารมณ์ขณะนั้นว่าเหตุใดถึงทำแบบนี้ แต่จังหวะนั้นกลับถูกชกเข้าที่หน้า 1 ครั้ง ซึ่งในจังหวะนั้นตนได้ชกสวนกลับไปเช่นกัน 1 ครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะชักอาวุธปืนขึ้นขู่ ตนจึงมายืนขวางสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางมาด้วย เพราะมีลูกวัย 5 ขวบ อยู่ในกลุ่ม กระทั่งครอบครัวของตนจะเข้ามาห้ามปราม และหลังจากเหตุการณ์ ตนได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ท่าเรือ ในคืนนั้นเช่นกัน เพราะเห็นว่าตนถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังและชักอาวุธปืนหันใส่ประชาชน
หลังเกิดเหตุทราบว่า ร.ต.ท.นายดังกล่าว ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน ซึ่งตนมองว่าเป็นการให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว เพราะตนมีพยานบุคคลในขณะเกิดเหตุ ส่วนประเด็นการตั้งกรวยยาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุเฉี่ยวชนนั้น ตนมีภาพคลิปกล้องหน้ารถบันทึกไว้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการเปิดภาพกล้องวงจรปิดใน สน. ขณะเกิดเหตุ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่ฝ่ายใดก่อน สำหรับคดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และอยากให้สังคมฟังความทั้งสองด้าน.-สำนักข่าวไทย