กรุงเทพฯ 30 พ.ย.-รอง ผบ.ตร. ยืนยันชัดตำรวจสามารถป้องกันตัว จับกุม และดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายหรือต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่ผิด หลังเกิดเหตุชายขับรถชนกรวยยางแล้วไม่พอใจ บุกเข้าไปต่อยตำรวจบาดเจ็บดั้งหัก
พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์นายสิทธิโชค ศาลา อายุ 32 ปี บุกเข้าทำไปทำร่างกายร้อยตำรวจโทอารัญ ชวานนท์ รองสารวัตรจราจร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1 เหตุเพราะไม่พอใจ ที่ไปติดตามสอบถามเรื่องที่ตัวเองขับรถไปชนกรวยยาง ซึ่งตำรวจนำไปวางไว้บริเวณทางขึ้นทางด่วนท่าเรือ 2 มุ่งหน้าบางนา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ทำให้รถที่นายสิทธิโชคขับเสียหาย และบานปลายถึงขั้นชกหน้าตำรวจ
เหตุการณ์นี้ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า หากมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตำรวจสามารถดำเนินการจับกุม และดำเนินคดีได้ตามอำนาจหน้าที่ อย่างไรก็ตามเหตุดังกล่าวยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะร้อยตำรวจโทอารัญที่บาดเจ็บดั้งหัก และต้องใส่เฝือกที่นิ้วก้อยมือขวา ยืนยันว่า ช่วงเกิดเหตุพยายามชี้แจงแล้วว่า การตั้งกรวยยางในจุดดังกล่าว มีความจำเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วน และตามสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ประเมิน เพื่อให้การจราจรคล่องตัว ส่วนการเฉี่ยวชนที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร จึงแนะให้นายสิทธิโชค มาติดต่อพนักงานจราจรในเวลาราชการ เพื่อให้เกิดความชัดเจน แต่กลายเป็นว่านายสิทธิโชคไม่พอใจ เกิดอาการโมโหและหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป แม้ตำรวจจะบอกให้ใจเย็นๆ แต่นายสิทธิโชคไม่ยอมและชกใบหน้าของร้อยตำรวจโทอารัญ จนเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ส่วนกลุ่มเพื่อนที่มากับนายสิทธิโชคก็ทำท่าทางตรงเข้ามาทำร้าย ทำให้สิบเวรต้องเข้าห้ามปราม ซึ่งร้อยตำรวจโทอารัญ ยืนยัน ไม่ได้เป็นฝ่ายทำร้ายร่างกายหรือชักปืนออกมาข่มขู่นายสิทธิโชคอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง ส่วนนายสิทธิโชคที่มาให้ปากคำกับตำรวจ สน.ท่าเรือ ก็ยืนยันว่าตัวเองมีหลักฐาน และถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน
ด้าน พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบในขณะนี้ พบว่านายสิทธิโชค ขับรถชนกรวยยางบนทางด่วน ช่วง 2 ทุ่ม และกลับมาสอบถามสาเหตุการตั้งกรวยกับตำรวจ สน.ทางด่วน 1 ในช่วง 5 ทุ่ม โดยตำรวจได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับ 2 ฝ่าย ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะหน่วยงานที่วางกรวยยาง คือ เจ้าหน้าที่การทางฯ ไม่ใช่ตำรวจ.-สำนักข่าวไทย