กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – หลังการเสียชีวิตของเยาวชนอายุ 15 ปี ที่เป็นเหยื่อกระสุนปืนปริศนาในการชุมนุมทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนจากความรุนแรงมากขึ้น
นางนิภาพร จุดธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณของน้องวา ลูกชายวัย 15 ปี ที่เสียชีวิตลงหลังตกอยู่ในอาการโคม่านาน 2 เดือนครึ่ง จากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ด้านหลังของศีรษะ ระหว่างเข้าร่วมการชุมนุมบริเว สามเหลี่ยมดินแดง ต่อเนื่องไปถึงด้านหน้าของ สน.ดินแดง เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยความโศกเศร้า
ทั้งพ่อและแม่เล่าว่าลูกชายยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม 3 วันเกิดเหตุได้ขอเดินทางจากบ้านบ้านแพรกษา สมุทรปราการ ไปร่วมชุมนุมเป็นครั้งแรกเท่านั้น โดยตนพยายามห้ามปราม เพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย แต่ก็ไม่สามารถห้ามความคิดของลูกชายได้ โดยคิดว่าที่ลูกชายออกมาชุมนุมทางการเมืองเพราะได้รับข้อมูลทางสื่อออนไลน์ ส่วนสิ่งที่ต้องการที่สุดตอนนี้คือ อยากให้คดีความมีความคืบหน้าจากทางตำรวจมากกว่านี้
ขณะที่ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันของตำรวจ ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที พร้อมวิงวอนผู้ปกครองทุกฝ่ายให้ทำความเข้าใจกับเด็กและเยาวชนในปกครอง ให้จัดกิจกรรมชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย อย่าก่อเหตุความวุ่นวายหรือใช้ความรุนแรง พร้อมสอดส่องการใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือชักชวนเด็กและเยาวชนออกมาแสดงออกทางการเมืองด้วยความรุนแรง
ส่วนทางคดีตำรวจจะออกหมายเรียกชายอายุ 28 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนก่อเหตุยิงปืนผู้ตาย มาแจ้งข้อหาใหม่ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยอาวุธปืน ส่วนมูลเหตุแรงจูงใจที่ใช้ปืนยิงสุ่มเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นยังไม่แน่ชัด เพราะผู้ต้องหายังคงปฏิเสธ และพบว่าไม่ได้มีที่อยู่ในพื้นที่ดินแดงแต่อย่างใด
ด้านกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่าอยากให้ทุกฝ่ายยกกรณีนี้เป็นบทเรียน เพื่อช่วยกันวางแนวทางในการปกป้องเด็กและเยาวชนที่ออกมาใช้สิทธิแสดงออกทางการเมือง เช่น การทำสัญลักษณ์บ่งบอกถึงสถานะเด็กและเยาวชนระหว่างการชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียอีกในอนาคต
สำหรับสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ มีการจับกุมไปแล้ว 448 คน ในนั้นมีเด็กและเยาวชนถึง 128 คน คิดแล้วเกือบร้อยละ 25 ของผู้ถูกจับทั้งหมด ขณะที่น้องวาเป็น 1 ใน 2 ของเยาวชนที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย และเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกในการชุมนุมทางการเมือง หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560.-สำนักข่าวไทย