กทม. 20 ต.ค.-ตำรวจไซเบอร์ถกธนาคาร เชื่อตัวการใหญ่ดูดเงินจากบัญชีของประชาชน อยู่ต่างประเทศ มีคนไทยร่วมขโมยข้อมูลบัตร
ตำรวจไซเบอร์ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ผู้แทนธนาคารพาณิชย์ และผู้แทนศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ร่วมประชุมเน้นหารือสืบสวนหาบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ดูดเงินออกจากบัญชีของประขาชนมูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท เพื่อนำตัวคนผิดมาดำเนินคดี
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากพฤติการณ์ทางตำรวจเชื่อว่า ขบวนการดูดเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย มีคนไทยร่วมขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของผู้เสียหาย เพราะมีเพียงคนไทยที่รู้พฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตและเดรบิตในชีวิตประจำวันของคนไทยจนสามารถขโมยข้อมูลไปให้มิจฉาชีพที่ใช้เซิฟเวอร์ในต่างประเทศ ดังนั้นคนไทยจะเป็นจิ๊กซอสำคัญที่จะสาวไปถึงตัวการใหญ่ในต่างประเทศ จากการเปรียบเทียบค่าเงินที่ถูกหักไปพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ และลีราตุรกี มีเส้นทางการเงินออกไปนอกประเทศ
พลตำรวจตรีนิเวศน์ อาภาวศิน ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุธุรกรรมส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ ข้อมูลที่หลุดไปอาจเป็นการขายข้อมูลให้กับมิจฉาชีพ ขึ้นอยู่กับมิจฉาชีพจะนำข้อมูลบัตรไปซื้อสินค้าอะไร หากเป็นการซื้อไอเทมเกมจะประสานบริษัทเกมในต่างประเทศตามที่มีกฎหมายระหว่างประเทศรองรับ เพื่อขอข้อมูลว่าใครเป็นคนนำข้อมูลไปใช้ซื้อไอเทมเกม และบางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับเง็บพนันออนไลน์ต่างๆ
ส่วนเส้นทางการเงิน ทางธนาคารจะเป็นผู้รวบรวม เพราะดูแลทั้งระบบจะเห็นภาพรวมที่ชัดเจน และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าส่วนใหญ่มีการโจรกรรมซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
ตัวแทนสมาคมธนาคาร ระบุจะยกระดับการดูแลบัญชีของลูกค้าให้เข้มข้นมากขึ้น เตรียมบลอกร้านค้าที่มีความเสี่ยงต่อการทำธุรกรรมผิดปกติ รวมถึงจะปรับมาตรการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บัตรเครดิตและเดบิตให้มาขึ้น อย่างไรก็ตามยอมรับหากจะให้แจ้งเตือน sms การทำธุรกรรมทุกบาททุกสตางค์เกรงว่าจะรบกวนลูกค้ามากเกินไป จึงมองว่าหากต้นทางของรายการใดผิดปกติก็ไม่ควรเรียกเก็บเงิน.-สำนักข่าวไทย