ตร.เร่งคดีดูดเงินจากบัญชี-บัตรเครดิต

กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – ตำรวจเร่งหารือสถาบันการเงิน แก้ปัญหาคนถูกลักลอบหักเงินในบัญชีที่มีผู้เสียหายหลักหมื่นคน ด้าน ปปง. ย้ำมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ทำให้สามารถร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่างๆ ตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับไปหาตัวคนร้ายได้


รอง ผบ.ตร.ชี้เงินหายให้ไปแบงก์ ไม่ต้องมาแจ้งความ
พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมตัวแทนสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย กสทช. และ ปปง. ในการวางแนวทางแก้ปัญหากรณีเจ้าของบัตรเครดิต เดบิต ถูกมิจฉาชีพลอบหักเงินจากบัญชีธนาคารเมื่อไปซื้อสินค้าออนไลน์ และติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยย้ำแม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นชาวต่างชาติก็จะดำเนินการถึงที่สุด เพราะถือเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ ยอมรับการตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียหายจากผู้ใช้บัตรเครดิตแล้วกว่า 5,700 ราย ผู้ใช้บัตรเดบิตกว่า 4,800 ราย และความเสียหายมีมากกว่า 100 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าคดีลักษณะนี้ ผู้เสียหายไม่ต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจเอง แต่สามารถติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีได้โดยตรง เพราะอย่างครั้งนี้ธนาคารได้รับเป็นผู้เสียหาย และเร่งตรวจสอบความผิดปกติการโอนเงินของบัญชีต่างๆ ควบคู่กับการรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มคนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐานส่งให้ตำรวจติดตามหาตัวคนร้าย ขณะเดียวกันได้ตั้งผู้ประสานงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น มั่นใจสามารถตามจับคนร้ายได้ และแม้จะเป็นชาวต่างชาติ ก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่เบื้องต้นขอให้รู้ตัวคนร้ายให้แน่ชัดก่อน

ด้านตัวแทนของ ปปง. ย้ำว่า ปปง. มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ทำให้สามารถร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่างๆ ตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับไปหาตัวคนร้ายได้


ส่วนนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ยืนยันระบบธนาคารมีความมั่นคงปลอดภัย โดยการเยียวยาผู้เสียหายจากบัตรเดบิต จะได้รับเงินคืนภายใน 5 วันทำการ ส่วนบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ผู้เสียหายไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ ธนาคารพร้อมรับผิดชอบคืนเงินให้ผู้เสียหายทุกกรณี เมื่อธนาคารตรวจสอบพบความเสียหายแล้วจะติดต่อกลับไปยังผู้เสียหาย เพื่อคืนเงินต่อไป

ขณะที่นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยอมรับว่ากรณีนี้มิจฉาชีพใช้ช่องโหว่ของการอำนวยความสะดวกด้านการทำธุรกรรมทางการเงินในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ สร้างความเสียหาย ซึ่งมีหลายวิธีการ แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด เพราะอาจเป็นการชี้ช่องให้มิจฉาชีพนำไปใช้ได้ ย้ำว่าหลังเกิดกรณีนี้ต่อไป ธปท. และธนาคารต่างๆ จะปรับปรุงระบบให้ดีที่สุด

ที่หลายคนกังวลไม่เคยทำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตทำไมถึงถูกหักเงินในบัญชีไปได้ นายธวัช ไทรราหู ประธานชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริตธนาคารยูโอบี ให้ข้อมูลไว้ชัดเจน และพร้อมเดินหน้าให้ข้อมูลกับประชาชนเข้าใจกลโกงมากขึ้น


ธปท.สั่งทุกธนาคารกำหนดให้ยืนยันตัวตนก่อนซื้อสินค้าออนไลน์
จากข้อกังวลต่างๆ ล่าสุด นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งให้ทุกธนาคารยกระดับความเข้มข้นการตรวจจับความผิดปกติในการทำธุรกรรม แม้จะมีมูลค่าน้อยก็ต้องแจ้งเตือนเจ้าของบัตรทุกช่องทางตั้งแต่บาทแรก ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS พร้อมเตรียมกำหนดเงื่อนไขให้ยืนยันตัวตนก่อนซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านค้าในต่างประเทศ ยืนยันอีกครั้งเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูล แต่เกิดการโกงในรูปแบบสุ่มเลขบัตรที่ใช้มูลค่าน้อย ทำให้ไม่ต้องใช้ระบบการยืนยันตัวตน แต่ถือเป็นระบบธุรกรรมที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก แต่ขณะนี้ผู้ออกบัตรได้เร่งดำเนินการแล้ว ย้ำว่าในส่วนของบัตรเครดิตจะไม่มีการตัดยอดเงินหรือคิดดอกเบี้ย ส่วนบัตรเดบิต หากได้รับการยืนยันไม่มีการซื้อ-ขายจริง จะคืนเงินภายใน 5 วันทำการ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ถึงวันที่ 17 ตุลาคม พบการธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติ 10,700 บัตร และส่วนมากทำธุรกรรมในช่วงวันที่ 14-17 ตุลาคม โดยเป็นการใช้บัตรเดบิตและเครดิตอย่างละครึ่ง แต่มูลค่าความเสียหายจากบัตรเดบิตประมาณ 30 ล้านบาท และบัตรเครดิตประมาณ 100 ล้านบาท ในจำนวนนี้ ม่รวมข้อมูลภัยไซเบอร์อื่นที่อาจมาจากการพนันออนไลน์

ผบ.ตร.ประสานหน่วยลับสหรัฐ หาต้นตอเงินไหลออก
วันนี้ที่มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคืบหน้าการติดตามตัวผู้กระทำผิดคดีนี้กับ ผบ.ตร. ได้รับคำตอบว่าอย่างแรกต้องให้รู้ก่อนว่าการกระทำของคนร้ายได้ข้อมูลไปอย่างไร มาจากการซื้อขายออนไลน์จริงหรือไม่ หรือนำบัญชีไปผูกไว้กับโซเชียลมีเดีย แอคเคาท์ต่างๆ ไม่เช่นนั้นจะหาสมมติฐานไม่ได้ และเมื่อหาไม่ได้จะทำให้สาวไปถึงตัวการไม่ได้เช่นกัน ส่วนตัวเชื่อผู้เสียหายน่าจะมีมากเกินหมื่นราย แนะประชาชนต้องระมัดระวังป้องกันในการรักษาข้อมูลบัตร

ดีอีเอสเผยนายกฯ สั่งต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้
ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ย้ำว่า นายกฯ กำชับต้องตามตัวมิจฉาชีพมาลงโทษให้ได้ และเน้นย้ำว่าต้องกำกับดูแลการทำธุรกิจ และการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ ต้องมีมาตรฐานตรวจสอบได้ มีระบบการรับชำระเงินที่น่าเชื่อถือ เช่น ต้องมีการยืนยันรหัส OTP ในการจ่ายเงิน หากไม่ส่งรหัสจะต้องมีการแจ้งเตือนอย่างอื่น พร้อมฝากเตือนไปถึงประชาชน หากใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต ของธนาคารใด ให้ตรวจสอบระบบการป้องกันว่าดีพอหรือไม่ ส่วนเรื่องการอุดช่องโหว่ การโอนเงินจำนวนน้อย ที่ก่อนหน้านี้อาจมองว่าไม่สำคัญ ตอนนี้ต้องเร่งแก้ให้ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการโอนเงินหลายครั้งต้องปิดกั้นด้วย เพราะถือเป็นความผิดปกติ.-สำนนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”