กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชื่อเหตุเผาป้อมจราจร 6 จุดทั่วกรุง หวังผลการเมือง สั่งปรับยุทธวิธีรับมือ และพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆ ให้รอบด้าน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 22 ต่อเนื่องวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา มีการก่อเหตุเผาป้อมจราจรหลายจุดในกรุงเทพฯ รวม 6 จุด ได้แก่ สน.บางซื่อ 3 จุด ที่แยกสะพานควาย, แยกประดิพัทธิ์ และด่วนระนอง สน.ลุมพินี 1 จุด ที่แยกราชประสงค์ และ สน.พญาไท 1 แห่ง คือ แยกอุรุพงษ์ และ สน.มักกะสัน 1 จุด ที่แยกมิตรสัมพันธ์ ว่าได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงเน้นย้ำในตำรวจปรับยุทธวิธี ประเมินสถานการณ์ให้แม่นยำกว่านี้ จะเห็นว่ามีการกระจายตัวยกระดับความรุนแรง ตำรวจต้องปรับยุทธวิธีการใช้กำลัง การบังคับใช้กฎหมาย พร้อมเห็นว่าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่อาชญากรทั่วไป โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมผู้ก่อเหตุกว่า 400 ราย ทุกครั้งที่จับเขาจะมีความรู้เทคนิคข้อกฎหมายต่างๆ มากขึ้น เห็นจากมีฝ่ายกฎหมายที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง จึงสั่งการให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น โดยให้พิจารณาความผิดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อั้งยี่ ซ่องโจร
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เหตุดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุใช้รถจักรยานยนต์ประมาณ 15 คัน มีผู้ก่อเหตุประมาณ 30 คน รวมตันเผาป้อมตำรวจจราจรในพื้นที่ต่างๆ ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีในหลายข้อหา เช่น มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ทำให้เสียทรัพย์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับมาให้สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายให้รอบด้าน เพราะการก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์สินทางราชการและของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง เป็นการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนจะมีการขยายความรุนแรงในลักษณะนี้เป็นวงกว้างออกไปหรือไม่ คิดว่าเป็นปกติของผู้ก่อเหตุที่พยายามหาโอกาส ตำรวจต้องยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและการข่าวให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย
