กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – รวบหนุ่มใหญ่แชตลวงสาวถ่ายคลิปแบล็กเมล์เรียกเงิน 200,000 บาท แลกกับการไม่ปล่อยคลิป
ตำรวจรวบหนุ่มใหญ่ภัยสังคม แชตลวงสาวถ่ายคลิปแบล็กเมล์ เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้รับการร้องเรียนผ่าน “เพจศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ” ว่ามีผู้ใช้บัญชีอินสตาแกรมชื่อ “โกโก้” ara1_234567890 มีพฤติการณ์นำคลิปวิดีโอลามกอนาจาร และภาพของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย มาข่มขู่เรียกเงิน 200,000 บาท แลกกับการไม่ปล่อยคลิป และขอร่วมหลับนอนด้วย เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม คนร้ายจะข่มขู่ต่อเนื่อง รวมถึงกดดันไปยังคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ทำให้เกิดความอับอาย ส่งผลต่อหน้าที่การงานและสภาวะจิตใจเป็นอย่างมาก
ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้เคยรู้จักและเคยมีความสัมพันธ์กับผู้เสียหายมาก่อน ผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ ตั้งแต่ปี 2560 โดยคนร้ายใช้ชื่อว่านาย “ยุ” หรือ “วายุ” (นามแฝง) ซึ่งจะพูดคุยออกอุบายต่างๆ คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียหายมาโดยตลอด จนผู้เสียหายเกิดความไว้ใจ นายยุจึงลวงให้ผู้เสียหายไปพบและพาเข้าโรงแรมเพื่อกระทำอนาจาร พร้อมอัดคลิปวิดีโอไว้ ซึ่งเป็นคลิปเดียวกันกับที่อินสตาแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ใช้ในการข่มขู่ หลังจากนั้นนายยุยังคงรบเร้าให้ผู้เสียหายมาพบอีก โดยจะนำคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้มาข่มขู่และล่อลวงให้ผู้เสียหายไปพบอยู่เสมอ ผู้เสียหายเกรงว่าหากไม่ยอมทำตามจะทำให้เกิดความเสียหายต่อสวัสดิภาพและชื่อเสียง จึงทำตามที่นายยุข่มขู่ เมื่อผู้เสียหายไปถึงสถานที่ที่นายยุนัดหมาย พบว่านายยุพาเพื่อนมาอีก 2 คน จากนั้นนายยุ และเพื่อนอีก 2 คน ได้ขู่ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว และใช้กำลังข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้ง นอกจากนี้ยังบังคับให้ผู้เสียหายอยู่ในห้อง จนผู้เสียหายทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว ออกอุบายหลบหนีออกมาจากห้องพักดังกล่าวได้ และไม่ได้ติดต่อกันอีก
ต่อมาวันที่ 1 ก.ค.2564 มีผู้ใช้อินสตาแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ส่งข้อความพร้อมคลิปวิดีโอของผู้เสียหายกับนายยุ มาข่มขู่เรียกเงิน 200,000 บาท แลกกับการไม่ปล่อยคลิป และขอร่วมหลับนอนด้วย ผู้เสียหายจึงร้องเรียนผ่านทาง “เพจศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายยุ หรือวายุ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายเคยพูดคุยผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ และล่อลวงผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน และเป็นบุคคลเดียวกับชายที่ปรากฏในคลิปที่นำมาข่มขู่ผู้เสียหาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด กระทั่งทราบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในครั้งนี้
โดยศาลจังหวัดชลบุรีได้อนุมัติหมายจับนายวรพตน์ อายุ 41 ปี ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกรรโชกทรัพย์”
ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว พร้อมกับตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ที่ใช้อินสตาแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ในการข่มขู่ผู้เสียหายจริง นอกจากคลิปที่ใช้ในการข่มขู่ผู้เสียหายแล้ว ผู้ต้องหายังมีคลิปวิดีโอที่ผู้ต้องหามีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายรายอื่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีการเปิดบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันหาคู่ เพื่อแชตพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายราย ซึ่งตำรวจจะได้ตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดต่อไป
กองปราบปรามจึงฝากประชาสัมพันธ์และเตือนภัยว่าในปัจจุบันคนร้ายมักแฝงตัวมาในสื่อโซเชียล หรือเว็บไซต์หาคู่ ซึ่งจะสร้างโปรไฟล์ที่ดูดี ทำทีพูดคุยหว่านล้อมด้วยคำพูดให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ที่ใช้โซเซียลตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อให้ความไว้วางใจ จากนั้นเมื่อสามารถนัดพบกับผู้เสียหายได้แล้ว มิจฉาชีพกลุ่มนี้จะฉวยโอกาสจากความไว้วางใจกระทำชำเราและอัดคลิปวิดีโอไว้ ซึ่งอาจนำมาใช้ข่มขู่ว่าจะเผยแพร่ในภายหลัง จึงเป็นปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน หรือผู้ใหญ่ และมักเกิดขึ้นบ่อยกับผู้ใช้งานสื่อโซเซียลมีเดีย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตรวจสอบโปรไฟล์บุคคล หรือพูดคุยให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นมีตัวตนแท้จริงเป็นอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน
ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสจากการใช้เทคโนโลยีเป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย หากมีการเผยแพร่คลิป หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากท่านตกเป็นเหยื่อ หรือพบเห็นพฤติการณ์ข้างต้น ให้แจ้งมาที่เพจกองบังคับการปราบปราม หรือสายด่วน 1195 หรือสถานีตำรวจในท้องที่ที่รับผิดชอบ.-สำนักข่าวไทย