ฎีกายกฟ้องวิศวกร คดีไฟไหม้ตึก SCB ปี 59

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.-ปิดฉากเหตุเพลิงไหม้อาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อปี 59 ที่มีสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ ทำให้คนงานเสียชีวิต 8 คน โดยวันนี้ศาลฎีกาพิพากษา “ยกฟ้อง” วิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย โดยให้เหตุผลไม่ได้ทำการโดยประมาท


คดีสารเคมีระบบดับเพลิงไพโรเจนฟุ้งกระจายที่ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จนเกิดโศกนาฏกรรมมีผู้เสียชีวิต 8 คน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 โจทก์และจำเลยสู้คดีกันมา 5 ปี และวันนี้ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา โดยมีนายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต 2 คน ซึ่งเป็นจำเลยด้วย เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมกับญาติและบุคคลใกล้ชิดที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ

ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า นายจิระวัฒน์ ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยก่อนเข้าไปพื้นที่ ได้ขออนุญาต และแจ้งให้มีการปิดระบบดับเพลิง และจากคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าระบบไพโรเจนน่าจะเสื่อมสภาพ ซึ่งตามรายงานของกองพิสูจน์หลักฐาน สันนิษฐานว่า ระบบทำงาน Smoke Detector ตรวจจับฝุ่นควันได้ แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่า การทำงานเกิดจากการตรวจจับฝุ่นควันได้จริงหรือไม่ ไม่มีข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุธนาคารจะปิดระบบไพโรเจนหรือไม่ นอกจากนี้จากคำเบิกความพยานแสดงให้เห็นว่าระบบดับเพลิงเดิมมีปัญหาในการทำงาน ไม่ได้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเหตุที่เกิดขึ้น เกิดด้วยสาเหตุใดกันแน่ และน่าสงสัยว่าจะมีการ “ปิด” สวิตช์ระบบดับเพลิงตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุหรือไม่ เพราะการตรวจสอบพบว่า สวิตช์ “ปิด” อยู่ แต่ไม่มีพยานคนไหนเบิกความว่า มีการปิดสวิตช์หลังเกิดเหตุ ประกอบกับพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ มีข้อสงสัยว่า วันเกิดเหตุนายจิระวัฒน์ ไม่ได้แจ้งให้ปิดระบบดับเพลิง ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทตามฟ้องหรือไม่ ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้นายจิระวัฒน์ ซึ่งเป็นวิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย รวมไปถึงผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ตว่าไม่ได้กระทำการโดยประมาท รวมถึงยกคำร้องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ร่วมด้วย


ย้อนกลับไปคดีนี้ มีโจทก์ และโจทก์ร่วม คือ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 และครอบครัวของคนงานที่เสียชีวิต ระหว่างติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ คือ นายวิรัช ดีดพิณ, นายพีรพัฒน์ กอยประโคน, นางสาวกรรณิการ์ ประจิตร์ หรือสินศิริ ร่วมกันยื่นฟ้องจำเลย 10 คน อาทิ ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ผู้บริหารบริษัท วิศวกร โครงการ และบริษัทอื่นๆ ที่รับเหมาช่วงจากบริษัทเมก้าแพลนเน็ต รวมถึงผู้ควบคุมการวางท่อระบบดับเพลิงภายในอาคาร ในฐานความผิด ร่วมกันกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

ส่วนสาเหตุโศกนาฏกรรม ในตอนแรกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แจ้งว่า เหตุเกิดบริเวณชั้นใต้ดิน ช่วง 3 ทุ่มครึ่งของวันที่ 13 มีนาคม ปี 59 แต่เหตุที่เกิดไม่ได้เป็นเหตุเพลิงไหม้ และไม่ได้เกิดเหตุระเบิดแต่อย่างใด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ระบุว่าสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ และคาดว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้รับเหมาที่เข้ามาปรับปรุงระบบการป้องกันอัคคีภัยของอาคารเพิ่มเติม ซึ่งการทำงานดังกล่าวได้ไปกระตุ้นให้สารดับเพลิง หรือที่เรียกกันว่าแก๊สไพโรเจนทำงาน เพราะหลักการทำงานของแก๊สไพโรเจนทำให้ออกซิเจนหมดไป ทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ด้านในบาดเจ็บและเสียชีวิต

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 สั่งลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี และปรัลคนละ 20,000 บาท กับนาย ณ.พงษ์ สุขสงวน ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายอดิศร โฟดา ผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต โดยให้เหตุผลแม้ประธานและผู้บริหารบริษัทไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทต้องถูกลงโทษ ส่วนวิศวกรเป็นหัวหน้างานมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยแต่กระทำการประมาทไม่ปิดระบบดับเพลิงเดิม ไม่ควบคุมในที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 คนไม่เคยต้องโทษมาก่อน อีกทั้งความประมาทที่เกิดขึ้นในการปิดระบบดับเพลิงเดิม นอกเหนือความสามารถของจำเลย เห็นควรให้โอกาส โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้คนละ 2 ปี และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นโจทก์ร่วม 2.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันเกิดเหตุ ส่วนบริษัทเมก้าแพลนเน็ตสั่งปรับ 20,000 บาท และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นทั้งบริษัทรับช่วงต่อและผู้ดูแลระบบต่างๆ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง


ต่อมาฝ่ายโจท์ยื่นอุทธรณ์ต่อ และวันที่ 24 กรกฎาคม ปี 62 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษ เป็นว่า ให้ยกฟ้อง นาย ณ.พงษ์ และนายอดิศร ประธานและผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และยกคำร้องที่บังคับให้ทั้งคู่ชดเชยค่าสินไหมทดแทน และให้นายจิระวัฒน์ วิศวกรบริษัท และบริษัทเมก้าแพลนเน็ตจ่ายดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วมนับจากวันฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้น จากนั้นทั้งพนักงานอัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และนายจิรวัฒน์ วิศกร และบริษัท ได้ยื่นฎีกา นำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา “ยกฟ้อง” นายจิระวัฒน์ และบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ที่มีผู้บริหาร 2 คนมาด้วย ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม และพากันขึ้นรถกลับทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]