ฎีกายกฟ้องวิศวกร คดีไฟไหม้ตึก SCB ปี 59

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.-ปิดฉากเหตุเพลิงไหม้อาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อปี 59 ที่มีสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ ทำให้คนงานเสียชีวิต 8 คน โดยวันนี้ศาลฎีกาพิพากษา “ยกฟ้อง” วิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย โดยให้เหตุผลไม่ได้ทำการโดยประมาท


คดีสารเคมีระบบดับเพลิงไพโรเจนฟุ้งกระจายที่ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จนเกิดโศกนาฏกรรมมีผู้เสียชีวิต 8 คน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 โจทก์และจำเลยสู้คดีกันมา 5 ปี และวันนี้ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา โดยมีนายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต 2 คน ซึ่งเป็นจำเลยด้วย เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมกับญาติและบุคคลใกล้ชิดที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ

ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า นายจิระวัฒน์ ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยก่อนเข้าไปพื้นที่ ได้ขออนุญาต และแจ้งให้มีการปิดระบบดับเพลิง และจากคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าระบบไพโรเจนน่าจะเสื่อมสภาพ ซึ่งตามรายงานของกองพิสูจน์หลักฐาน สันนิษฐานว่า ระบบทำงาน Smoke Detector ตรวจจับฝุ่นควันได้ แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่า การทำงานเกิดจากการตรวจจับฝุ่นควันได้จริงหรือไม่ ไม่มีข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุธนาคารจะปิดระบบไพโรเจนหรือไม่ นอกจากนี้จากคำเบิกความพยานแสดงให้เห็นว่าระบบดับเพลิงเดิมมีปัญหาในการทำงาน ไม่ได้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเหตุที่เกิดขึ้น เกิดด้วยสาเหตุใดกันแน่ และน่าสงสัยว่าจะมีการ “ปิด” สวิตช์ระบบดับเพลิงตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุหรือไม่ เพราะการตรวจสอบพบว่า สวิตช์ “ปิด” อยู่ แต่ไม่มีพยานคนไหนเบิกความว่า มีการปิดสวิตช์หลังเกิดเหตุ ประกอบกับพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ มีข้อสงสัยว่า วันเกิดเหตุนายจิระวัฒน์ ไม่ได้แจ้งให้ปิดระบบดับเพลิง ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทตามฟ้องหรือไม่ ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้นายจิระวัฒน์ ซึ่งเป็นวิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย รวมไปถึงผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ตว่าไม่ได้กระทำการโดยประมาท รวมถึงยกคำร้องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ร่วมด้วย


ย้อนกลับไปคดีนี้ มีโจทก์ และโจทก์ร่วม คือ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 และครอบครัวของคนงานที่เสียชีวิต ระหว่างติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ คือ นายวิรัช ดีดพิณ, นายพีรพัฒน์ กอยประโคน, นางสาวกรรณิการ์ ประจิตร์ หรือสินศิริ ร่วมกันยื่นฟ้องจำเลย 10 คน อาทิ ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ผู้บริหารบริษัท วิศวกร โครงการ และบริษัทอื่นๆ ที่รับเหมาช่วงจากบริษัทเมก้าแพลนเน็ต รวมถึงผู้ควบคุมการวางท่อระบบดับเพลิงภายในอาคาร ในฐานความผิด ร่วมกันกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

ส่วนสาเหตุโศกนาฏกรรม ในตอนแรกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แจ้งว่า เหตุเกิดบริเวณชั้นใต้ดิน ช่วง 3 ทุ่มครึ่งของวันที่ 13 มีนาคม ปี 59 แต่เหตุที่เกิดไม่ได้เป็นเหตุเพลิงไหม้ และไม่ได้เกิดเหตุระเบิดแต่อย่างใด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ระบุว่าสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ และคาดว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้รับเหมาที่เข้ามาปรับปรุงระบบการป้องกันอัคคีภัยของอาคารเพิ่มเติม ซึ่งการทำงานดังกล่าวได้ไปกระตุ้นให้สารดับเพลิง หรือที่เรียกกันว่าแก๊สไพโรเจนทำงาน เพราะหลักการทำงานของแก๊สไพโรเจนทำให้ออกซิเจนหมดไป ทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ด้านในบาดเจ็บและเสียชีวิต

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 สั่งลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี และปรัลคนละ 20,000 บาท กับนาย ณ.พงษ์ สุขสงวน ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายอดิศร โฟดา ผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต โดยให้เหตุผลแม้ประธานและผู้บริหารบริษัทไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทต้องถูกลงโทษ ส่วนวิศวกรเป็นหัวหน้างานมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยแต่กระทำการประมาทไม่ปิดระบบดับเพลิงเดิม ไม่ควบคุมในที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 คนไม่เคยต้องโทษมาก่อน อีกทั้งความประมาทที่เกิดขึ้นในการปิดระบบดับเพลิงเดิม นอกเหนือความสามารถของจำเลย เห็นควรให้โอกาส โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้คนละ 2 ปี และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นโจทก์ร่วม 2.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันเกิดเหตุ ส่วนบริษัทเมก้าแพลนเน็ตสั่งปรับ 20,000 บาท และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นทั้งบริษัทรับช่วงต่อและผู้ดูแลระบบต่างๆ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง


ต่อมาฝ่ายโจท์ยื่นอุทธรณ์ต่อ และวันที่ 24 กรกฎาคม ปี 62 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษ เป็นว่า ให้ยกฟ้อง นาย ณ.พงษ์ และนายอดิศร ประธานและผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และยกคำร้องที่บังคับให้ทั้งคู่ชดเชยค่าสินไหมทดแทน และให้นายจิระวัฒน์ วิศวกรบริษัท และบริษัทเมก้าแพลนเน็ตจ่ายดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วมนับจากวันฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้น จากนั้นทั้งพนักงานอัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และนายจิรวัฒน์ วิศกร และบริษัท ได้ยื่นฎีกา นำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา “ยกฟ้อง” นายจิระวัฒน์ และบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ที่มีผู้บริหาร 2 คนมาด้วย ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม และพากันขึ้นรถกลับทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

ปิดตำนาน “บิ๊กสุ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี นอกจากบทบาททางการทหารแล้ว พล.อ.สุจินดา ยังมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองไทย.-สำนักข่าวไทย

จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน “พญ.” แอบอ้างสั่งยานอนหลับ

10 มิ.ย.- จ่อสั่งแพทย์หญิงคนดัง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกจับกุม แอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ พบก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมเอี่ยวจีนเทา กรณีตำรวจ ปส. และ อย. เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึงแพทย์หญิงคนดัง พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียนแพทย์หญิงคนดังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้ ล่าสุดชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่า แพทย์หญิงคนดัง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่า หากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง […]

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]