กรุงเทพฯ 23 ก.ย.-ปิดฉากเหตุเพลิงไหม้อาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อปี 59 ที่มีสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ ทำให้คนงานเสียชีวิต 8 คน โดยวันนี้ศาลฎีกาพิพากษา “ยกฟ้อง” วิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย โดยให้เหตุผลไม่ได้ทำการโดยประมาท
คดีสารเคมีระบบดับเพลิงไพโรเจนฟุ้งกระจายที่ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จนเกิดโศกนาฏกรรมมีผู้เสียชีวิต 8 คน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 โจทก์และจำเลยสู้คดีกันมา 5 ปี และวันนี้ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา โดยมีนายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต 2 คน ซึ่งเป็นจำเลยด้วย เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมกับญาติและบุคคลใกล้ชิดที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า นายจิระวัฒน์ ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยก่อนเข้าไปพื้นที่ ได้ขออนุญาต และแจ้งให้มีการปิดระบบดับเพลิง และจากคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าระบบไพโรเจนน่าจะเสื่อมสภาพ ซึ่งตามรายงานของกองพิสูจน์หลักฐาน สันนิษฐานว่า ระบบทำงาน Smoke Detector ตรวจจับฝุ่นควันได้ แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่า การทำงานเกิดจากการตรวจจับฝุ่นควันได้จริงหรือไม่ ไม่มีข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุธนาคารจะปิดระบบไพโรเจนหรือไม่ นอกจากนี้จากคำเบิกความพยานแสดงให้เห็นว่าระบบดับเพลิงเดิมมีปัญหาในการทำงาน ไม่ได้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเหตุที่เกิดขึ้น เกิดด้วยสาเหตุใดกันแน่ และน่าสงสัยว่าจะมีการ “ปิด” สวิตช์ระบบดับเพลิงตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุหรือไม่ เพราะการตรวจสอบพบว่า สวิตช์ “ปิด” อยู่ แต่ไม่มีพยานคนไหนเบิกความว่า มีการปิดสวิตช์หลังเกิดเหตุ ประกอบกับพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ มีข้อสงสัยว่า วันเกิดเหตุนายจิระวัฒน์ ไม่ได้แจ้งให้ปิดระบบดับเพลิง ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทตามฟ้องหรือไม่ ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้นายจิระวัฒน์ ซึ่งเป็นวิศกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย รวมไปถึงผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ตว่าไม่ได้กระทำการโดยประมาท รวมถึงยกคำร้องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ร่วมด้วย
ย้อนกลับไปคดีนี้ มีโจทก์ และโจทก์ร่วม คือ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 และครอบครัวของคนงานที่เสียชีวิต ระหว่างติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ คือ นายวิรัช ดีดพิณ, นายพีรพัฒน์ กอยประโคน, นางสาวกรรณิการ์ ประจิตร์ หรือสินศิริ ร่วมกันยื่นฟ้องจำเลย 10 คน อาทิ ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ผู้บริหารบริษัท วิศวกร โครงการ และบริษัทอื่นๆ ที่รับเหมาช่วงจากบริษัทเมก้าแพลนเน็ต รวมถึงผู้ควบคุมการวางท่อระบบดับเพลิงภายในอาคาร ในฐานความผิด ร่วมกันกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
ส่วนสาเหตุโศกนาฏกรรม ในตอนแรกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แจ้งว่า เหตุเกิดบริเวณชั้นใต้ดิน ช่วง 3 ทุ่มครึ่งของวันที่ 13 มีนาคม ปี 59 แต่เหตุที่เกิดไม่ได้เป็นเหตุเพลิงไหม้ และไม่ได้เกิดเหตุระเบิดแต่อย่างใด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ระบุว่าสาเหตุจากสารเคมีในถังดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ และคาดว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้รับเหมาที่เข้ามาปรับปรุงระบบการป้องกันอัคคีภัยของอาคารเพิ่มเติม ซึ่งการทำงานดังกล่าวได้ไปกระตุ้นให้สารดับเพลิง หรือที่เรียกกันว่าแก๊สไพโรเจนทำงาน เพราะหลักการทำงานของแก๊สไพโรเจนทำให้ออกซิเจนหมดไป ทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ด้านในบาดเจ็บและเสียชีวิต
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 สั่งลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี และปรัลคนละ 20,000 บาท กับนาย ณ.พงษ์ สุขสงวน ประธานกรรมการบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายอดิศร โฟดา ผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต นายจิระวัฒน์ เปรมปรีดิ์ วิศวกรโครงการปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเมก้าแพลนเน็ต โดยให้เหตุผลแม้ประธานและผู้บริหารบริษัทไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทต้องถูกลงโทษ ส่วนวิศวกรเป็นหัวหน้างานมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยแต่กระทำการประมาทไม่ปิดระบบดับเพลิงเดิม ไม่ควบคุมในที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 คนไม่เคยต้องโทษมาก่อน อีกทั้งความประมาทที่เกิดขึ้นในการปิดระบบดับเพลิงเดิม นอกเหนือความสามารถของจำเลย เห็นควรให้โอกาส โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้คนละ 2 ปี และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นโจทก์ร่วม 2.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันเกิดเหตุ ส่วนบริษัทเมก้าแพลนเน็ตสั่งปรับ 20,000 บาท และร่วมชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นทั้งบริษัทรับช่วงต่อและผู้ดูแลระบบต่างๆ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ต่อมาฝ่ายโจท์ยื่นอุทธรณ์ต่อ และวันที่ 24 กรกฎาคม ปี 62 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษ เป็นว่า ให้ยกฟ้อง นาย ณ.พงษ์ และนายอดิศร ประธานและผู้บริหารบริษัทเมก้าแพลนเน็ต และยกคำร้องที่บังคับให้ทั้งคู่ชดเชยค่าสินไหมทดแทน และให้นายจิระวัฒน์ วิศวกรบริษัท และบริษัทเมก้าแพลนเน็ตจ่ายดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วมนับจากวันฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้น จากนั้นทั้งพนักงานอัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และนายจิรวัฒน์ วิศกร และบริษัท ได้ยื่นฎีกา นำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา “ยกฟ้อง” นายจิระวัฒน์ และบริษัทเมก้าแพลนเน็ต ที่มีผู้บริหาร 2 คนมาด้วย ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม และพากันขึ้นรถกลับทันที.-สำนักข่าวไทย