กรุงเทพฯ 19 ก.ย.- เหตุระเบิดบริเวณชุมชนตรอกไผ่สิงโต ฝั่งตรงข้ามศูนย์ฯ สิริกิติ์ ถ.รัชดาภิเษก ฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกพระราม 4 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ตำรวจปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน
กรณีมีเสียงดังคล้ายระเบิด ก่อนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายบริเวณหน้าชุมชนตรอกไผ่สิงโต ฝั่งตรงข้ามประตูศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกพระราม 4 แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
เมื่อช่วงเวลา 19.30 น.ที่ผ่านมา บริเวณเเยกนางเลิ้ง มุ่งหน้าทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมตั้งแนวรับเจ้าหน้าที่ คฝ. มีการยิงประทัดและพลุโต้ตอบกันไปมา ด้านเจ้าหน้าที่ยิงเเก๊สน้ำตาและกระสุนยาง และตั้งตู้คอนเทนเนอร์
บริเวณริมทางเท้าถนนดังกล่าว พบร่องรอยเศษพลาสติกท่อพีวีซี และเศษกระจกแตกกระจายเต็มพื้น ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ สีขาว กระจกมองข้างแตกทั้ง 2 ข้าง ใกล้กันพบท่อพีวีซี ที่ใช้สำหรับต่อท่อน้ำประปาเข้าชุมชนแตก และประตูรั้วไม้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย เบื้องต้นทางตำรวจนำโปลิสไลน์มาปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน
จากการสอบถาม นางสาวสุพรทิพย์ เสนสาย อายุ 46 ปี มีอาชีพรับจ้าง ผู้พักอาศัยใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มมวลชนเดินทางผ่านตุดเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งยืนจับกลุ่มกันบริเวณบนทางเท้านี้ กระทั่งได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงฟ้าผ่า ขึ้น 2 ครั้ง จึงหันไปดูพบมีกลุ่มควันโพยพุ่งขึ้นมา และมีกลุ่มวัยรุ่น จำนวน 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 รายล้มตัวลงนอน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนตัวแล้วตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่คิดว่าจะเป็นแรงของระเบิดต้องมามีผู้บาดเจ็บเช่นนี้
ด้านนางเพียงเพ็ญ ขาวเหลือง เจ้าของร้านของชำ กล่าวว่า ขณะขายของตามปกติ โดยในร้านก็มีลูกค้าอยู่ จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง และมีกลุ่มวัยรุ่นหอบหิ้วพาคนเจ็บเป็นชาย 1 รายมานั่งพักบริเวณหน้าร้าน จู่ๆก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง และควันโขมงเข้ามาในร้าน พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก หนำซ้ำยังเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านที่ได้ถูกลูกหลงไปด้วย ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
โดยแรงระเบิดทำให้ร้านได้รับความเสียหาย ผ้าใบกันสาดตกหล่น และท่อประปาแตก แต่ทางเจ้าตัวไม่ขอเรียกร้องอะไร ขอให้คนเจ็บปลอดภัยก็พอ ทั้งนี้ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน.-สำนักข่าวไทย