กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – เพจดังแฉตำรวจระดับผู้บังคับการ ยศ “พล.ต.ต.” ใช้เครื่องบินตำรวจขนเหล้าและเบียร์เถื่อน จากประเทศมาเลเซีย เข้ามายังประเทศไทย
เพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ระบุข้อความว่า “เครื่องบินตำรวจขนเหล้าเถื่อนมาเลย์ การขนเหล้าเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่าน โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและดูแลพื้นที่ทั้งสีเขียวและกากีมีพูดถึงอยู่เรื่อยๆ ในระดับพื้นที่ แต่รอบนี้เล่นใหญ่ ไม่แค่ใช้รถขนผ่านด่านแบบธรรมดา แต่ใช้เครื่องบินตำรวจ เครื่องบินของทางราชการใช้สำหรับปฏิบัติราชการ ขนต่อเข้ากรุงเทพฯ เรื่องนี้มีนายตำรวจใหญ่ระดับผู้บังคับการรายหนึ่งได้ขนเหล้าและเบียร์หนีภาษีเข้ามาบริเวณด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ใช้เครื่องบิน 2 ลำ สลับกันในการบินแต่ละครั้ง มีทั้งเครื่องบินของกองบินตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบินลำเลียงเหล้าเถื่อนจากสนามบินหาดใหญ่ ไปยังกองบินตำรวจที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะมีการลำเลียงต่ออีกทอดหนึ่ง มีการทำในลักษณะนี้หลายครั้ง โดยได้ทำการบินเอง และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติให้นำเครื่องบินลง
สำหรับคลิปเป็นคลิปบันทึกภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ในกองบินตำรวจแอบถ่ายขณะนำผู้บังคับการกองบินตำรวจ ให้ลูกน้องมาขนเหล้าลงจากเครื่องบิน ที่ขนใส่ถุงดำแล้วบรรทุกมาในเครื่องบิน
อีกคลิปเป็นภาพขณะผู้บังคับการมาหยิบสินค้าที่เพิ่งขนลงมาจากเครื่องบิน ซึ่งมีลักษณะเป็นขวด หยิบออกมา 2-3 ขวด เหตุการณ์นี้ถูกบันไว้ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งผู้ร้องเรียนระบุว่า ชายในภาพที่ลอบขนเหล้า เบียร์เถื่อน คือ ยศพลตำรวจตรี
พฤติการณ์ที่ระบุตามคำร้องคือ ในแต่ละเดือนที่ต้องไปฝึกบินจะวางเส้นทางไปที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วสั่งให้ลูกน้องที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เป็นช่างเครื่องยนต์ที่ร่วมเดินทางไปด้วย ขนสุราและเบียร์ที่ไม่ได้เสียภาษีขึ้นเครื่องในแต่ละครั้งมากกว่า 30 ลัง ซึ่งสุราและเบียร์ดังกล่าวมีสติกเกอร์สีแดง ที่ระบุว่า Paid The Zone Duty Free ติดไว้กับถุงดำที่ห่อหุ้มลังสุราและเบียร์ที่ขนย้ายมา ซึ่งการขนขึ่้นเครื่องจะผ่านช่องทางลานจอดเครื่องบินของสนามบินหาดใหญ่ฝั่งทหาร ที่ไม่มีการตรวจสอบด้านศุลกากรเหมือนฝั่งลานจอดสนามบินพลเรือน จากนั้นจะบินมาลงที่ดอนเมือง ฝั่งลานจอดกองบินตำรวจ และสั่งการให้ลูกร้องขนย้ายลังสุราทั้งหมดไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้ โดยทำลักษณะนี้บ่อยครั้ง
ตำรวจชั้นผู้น้อยจึงตัดสินใจรวบรวมหลักฐานเป็นภาพถ่ายและคลิปวิดีโอทำเรื่องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาก็มีการเรียกตัวบุคคลที่ปรากฏในภาพและคลิปวิดีโอทั้งหมดเข้าไปให้ข้อมูล แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการลงโทษทางวินัยใดๆ และนายตำรวจใหญ่รายนี้ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ จึงต้องนำเรื่องมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ขณะที่มีรายงานว่า ป.ป.ช. ที่ตรวจสอบและไต่สวนได้สรุปความเห็นว่ามีความผิดทั้ง 2 ประเด็น หลังจากนี้จะส่งให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้มูล.-สำนักข่าวไทย