เรือนจำคลองเปรมสั่งกักโรค อดีต ผกก.โจ้ 21 วัน – รวมไทม์ไลน์ขั้นตอนคดี

กรุงเทพฯ 4 ก.ย.- ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้ ครอบครองยาเสพติด หลังบุกไปค้นคอนโด และบ้านพัก ขณะที่ราชทัณฑ์รับตัวอดีต ผกก.โจ้ กับพวก เข้าเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 สั่งกักโรค 21 วัน 


เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งให้กำลังตำรวจชุดสืบสวนกองปราบปราม และกำลังตำรวจหนุมานกองปราบ ติดอาวุธครบมือ เข้าคุมตัวอดีต ผกก.โจ้ พร้อมพวกอีก 6 คน ขึ้นรถตู้เรือนจำกลางพิษณุโลกเดินทางมาเรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ เพื่อรอดำเนินคดี หลังจาก พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งโอนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มาอยู่ในความดูแลของกองปราบ โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวทั้ง 7 ผู้ต้องหาออกจากเรือนจำกลางพิษณุโลกตั้งแต่เช้ามืด

เวลา 9.45 น. นักข่าวที่ปักหลักรอหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม สังเกตเห็นรถวิทยุกองปราบปราบขับนำรถกรมราชทัณฑ์ของรถเรือนจำพิษณุโลก โดยมีรถตู้ รถกระบะควบคุมผู้ต้องขัง รถ 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ปิดท้ายด้วยรถควบคุมผู้ต้องหา ขับมาพร้อมมีรถตู้หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม ขับประกบมาด้วย และทันทีที่รถขับถึงประตูทางเข้าเรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าหน้าที่ได้กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่และเปิดทางให้รถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลกเข้าไปด้านใน 


ภายหลังเสร็จสิ้นการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางพิษณุโลกได้เดินทางกลับทันที โดยที่นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่านายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เข้าติดตามควบคุมการรับตัวอดีต ผกก.โจ้ และพวกทั้ง 6 คนด้วยตัวเอง พร้อมสั่งตรวจเชื้อ และกักโรคเป็นเวลา 21 วัน  

พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่า การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 มายังเรือนจำกลางคลองเปรม นอกจากเป็นเพราะคดีถูกโอนสำนวนการสอบสวนมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบแล้ว คดีนี้ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย 

ส่วนการเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดอดีต ผกก.โจ้ และบ้านพักของดาบตำรวจ วิสุทธิ์ บุญเขียวหรือดาบโบ้ ที่พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่จำนวนหนึ่งนั้น ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังให้การปฎิเสธ และยาทั้งหมดจะเป็นของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดหรือไม่ ตอนนี้ยังชี้ชัดไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นมีการเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา “มียาเสพติดไว้ในครอบครอง” เพิ่มเติมกับอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้แล้ว


ขณะที่ความคืบหน้าการสอบปากคำตำรวจ 6 นายที่เป็นชุดจับกุมนายมาวิน หรือจีระพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่เสียชีวิต และเป็นพยานในคดีนี้ ทั้งหมดรับว่าเป็นชุดจับกุม แต่ส่งมอบตัวนายมาวินให้ชุดจับกุมของอดีต ผกก.โจ้ไปขยายผล ทำให้การสอบสวนเบื้องต้น ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เหยื่อในคดียาเสพติดเสียชีวิต 

คดีนี้ต้องเกาะติดเพราะวันจันทร์ที่ 6 กันยายนนี้ ช่วงเช้าพนักงานสอบสวนกองปราบจะนำตัวอดีต ผกก.โจ้และพวก ยื่นฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และช่วงบ่าย พลตำรวจเอกสุชาติ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี จะเรียกคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดประชุมกันที่กองปราบ โดยมีรายงานว่าพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งให้ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 7 กันยายน

และประเด็นที่ต้องจับตาอีก คือการพลิกลิ้นของ อดีต ผกก.โจ้ ที่นอกจาก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 เปิดเผยภายหลังเข้าสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ ในเรือนจำพิษณุโลก แล้วเจ้าตัวยืนยันให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าทำจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแค่ต้องการเค้นข้อมูล ล่าสุดมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงกลางดึกก่อน อดีต ผกก.โจ้ จะถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ ชุดสืบสวนได้ไปสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ เพิ่มเติม ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ปรากฏว่าอดีต ผกก.โจ้ ปฏิเสธคำให้การเดิม ที่เคยให้ปากคำไว้กับตำรวจในครั้งแรกทั้งหมด โดยอ้างว่าการสอบปากคำที่กองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ไม่ได้เซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหา

ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายของอดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่า ตอนนี้อดีต ผกก.โจ้ ยังแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจ แม้จะซูบผอมไปบ้าง แต่อาจเป็นเพราะทุกข์ใจ ทำให้กินข้าวได้น้อย นอกจากนี้ตัว ผกก.โจ้ ยังยืนยันว่าไม่เคยป่วย หรือต้องเข้ารับการรักษาอาการไบโพลาร์ และที่ตำรวจค้นห้องพักในคอนโดเจอยาคลายเครียดก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาคนเราเครียดกันได้ รวมถึงย้ำว่าการที่มีข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยการทรมาน เป็นสิทธิของพนักงานสอบสวน แต่ทางทนายก็จะสู้ในประเด็นว่า อาจจริงอยู่มีการนำถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ตายจนขาดอากาศหายใจ แต่น่าจะเป็นการพลั้งมือ ซึ่งประเด็นนี้ อดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาฆ่าแน่นอน ส่วนการยื่นขอประกันตัวอดีต ผกก.โจ้ ตอนนี้คงต้องชะลอไว้ก่อน เพราะคดีนี้สังคมให้ความสนใจ และมีผู้ต้องหารายอื่นที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมด้วย

ส่วนความคืบหน้าเรื่องรถหรูของอดีต ผกก.โจ้ นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร ยืนยันการตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี พบว่ามีรถยนต์ที่อดีต ผก.โจ้ จับกุมนำส่งกรมศุลกากร 368 คัน เช่น เบนซ์ บีเอ็ม เบลเล่ ปอร์เช่ เฟอรารี่ โดยรถทุกคันตรวจสอบแล้ว มีกล่องสมองกล หรือ กล่อง ECU ครบทุกคัน ไม่ปรากฏคันที่ถูกถอดออก เพื่อด้อยค่ารถให้ราคาถูกลงตามที่ปรากฏเป็นข่าว และรถที่อดีต ผกก.โจ้ไปจับมาถูกนำไปประมูลแล้ว 363 คัน เหลือตกค้างอีกแค่ 5 คัน ซึ่งตรวจสอบลึกลงไปไม่พบชื่อของอดีต ผกก.โจ้ มายื่นประมูล แต่จะมีนอมินี มาแทนหรือไม่ ตรวจสอบไม่ได้ สอดคล้องกับข้อมูลของ พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ ที่ยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยพบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว ตามที่มีกระแสข่าวว่าเป็นพฤติการณ์ของอดีต ผกก.โจ้ แต่ยอมรับว่า ในวงการรถมีการพูดถึงวิธีนี้อยู่บ้าง แต่ดีเอสไอไม่มีข้อมูล.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]

ชวนร่วมมหกรรม “ซอฟต์พาวเวอร์” ฟังวิสัยทัศน์จาก 3 นายกฯ

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-รัฐบาลเชิญร่วมงานมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่าง 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ 3 นายกรัฐมนตรีไทย แลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์สร้าง “มูลค่าทางวัฒนธรรม” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน […]

เร่งแกะรอยมือยิงตำรวจ สภ.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ

ยะลา 6 ก.ค.- ผกก.สภ.กรงปินัง สั่งเร่งแกะรอยมือยิงตำรวจเสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจความปลอดภัย เบื้องต้นคาดเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับบริเวณสามแยกทางเข้าที่ว่าการอำเภอกรงปินัง หมู่ที่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นมีตำรวจรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทราบชื่อ ส.ต.ท.ธัญเทพ สิกขาจารย์ ผบ.หมู่ (ป) ปฏิบัติหน้า จราจร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิด บริเวณศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส ก่อนเสียชีวิต ขณะนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรงปินัง จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 นาย เข้าไปตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยภายในร้านสะดวกซื้อตามปกติ หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น เมื่อเดินออกจากร้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนคาดว่าอยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิง จำนวน 1 […]

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย