เรือนจำคลองเปรมสั่งกักโรค อดีต ผกก.โจ้ 21 วัน – รวมไทม์ไลน์ขั้นตอนคดี

กรุงเทพฯ 4 ก.ย.- ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้ ครอบครองยาเสพติด หลังบุกไปค้นคอนโด และบ้านพัก ขณะที่ราชทัณฑ์รับตัวอดีต ผกก.โจ้ กับพวก เข้าเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 สั่งกักโรค 21 วัน 


เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งให้กำลังตำรวจชุดสืบสวนกองปราบปราม และกำลังตำรวจหนุมานกองปราบ ติดอาวุธครบมือ เข้าคุมตัวอดีต ผกก.โจ้ พร้อมพวกอีก 6 คน ขึ้นรถตู้เรือนจำกลางพิษณุโลกเดินทางมาเรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ เพื่อรอดำเนินคดี หลังจาก พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งโอนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มาอยู่ในความดูแลของกองปราบ โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวทั้ง 7 ผู้ต้องหาออกจากเรือนจำกลางพิษณุโลกตั้งแต่เช้ามืด

เวลา 9.45 น. นักข่าวที่ปักหลักรอหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม สังเกตเห็นรถวิทยุกองปราบปราบขับนำรถกรมราชทัณฑ์ของรถเรือนจำพิษณุโลก โดยมีรถตู้ รถกระบะควบคุมผู้ต้องขัง รถ 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ปิดท้ายด้วยรถควบคุมผู้ต้องหา ขับมาพร้อมมีรถตู้หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม ขับประกบมาด้วย และทันทีที่รถขับถึงประตูทางเข้าเรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าหน้าที่ได้กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่และเปิดทางให้รถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลกเข้าไปด้านใน 


ภายหลังเสร็จสิ้นการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางพิษณุโลกได้เดินทางกลับทันที โดยที่นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่านายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เข้าติดตามควบคุมการรับตัวอดีต ผกก.โจ้ และพวกทั้ง 6 คนด้วยตัวเอง พร้อมสั่งตรวจเชื้อ และกักโรคเป็นเวลา 21 วัน  

พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่า การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 มายังเรือนจำกลางคลองเปรม นอกจากเป็นเพราะคดีถูกโอนสำนวนการสอบสวนมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบแล้ว คดีนี้ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย 

ส่วนการเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดอดีต ผกก.โจ้ และบ้านพักของดาบตำรวจ วิสุทธิ์ บุญเขียวหรือดาบโบ้ ที่พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่จำนวนหนึ่งนั้น ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังให้การปฎิเสธ และยาทั้งหมดจะเป็นของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดหรือไม่ ตอนนี้ยังชี้ชัดไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นมีการเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา “มียาเสพติดไว้ในครอบครอง” เพิ่มเติมกับอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้แล้ว


ขณะที่ความคืบหน้าการสอบปากคำตำรวจ 6 นายที่เป็นชุดจับกุมนายมาวิน หรือจีระพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่เสียชีวิต และเป็นพยานในคดีนี้ ทั้งหมดรับว่าเป็นชุดจับกุม แต่ส่งมอบตัวนายมาวินให้ชุดจับกุมของอดีต ผกก.โจ้ไปขยายผล ทำให้การสอบสวนเบื้องต้น ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เหยื่อในคดียาเสพติดเสียชีวิต 

คดีนี้ต้องเกาะติดเพราะวันจันทร์ที่ 6 กันยายนนี้ ช่วงเช้าพนักงานสอบสวนกองปราบจะนำตัวอดีต ผกก.โจ้และพวก ยื่นฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และช่วงบ่าย พลตำรวจเอกสุชาติ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี จะเรียกคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดประชุมกันที่กองปราบ โดยมีรายงานว่าพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งให้ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 7 กันยายน

และประเด็นที่ต้องจับตาอีก คือการพลิกลิ้นของ อดีต ผกก.โจ้ ที่นอกจาก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 เปิดเผยภายหลังเข้าสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ ในเรือนจำพิษณุโลก แล้วเจ้าตัวยืนยันให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าทำจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแค่ต้องการเค้นข้อมูล ล่าสุดมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงกลางดึกก่อน อดีต ผกก.โจ้ จะถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ ชุดสืบสวนได้ไปสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ เพิ่มเติม ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ปรากฏว่าอดีต ผกก.โจ้ ปฏิเสธคำให้การเดิม ที่เคยให้ปากคำไว้กับตำรวจในครั้งแรกทั้งหมด โดยอ้างว่าการสอบปากคำที่กองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ไม่ได้เซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหา

ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายของอดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่า ตอนนี้อดีต ผกก.โจ้ ยังแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจ แม้จะซูบผอมไปบ้าง แต่อาจเป็นเพราะทุกข์ใจ ทำให้กินข้าวได้น้อย นอกจากนี้ตัว ผกก.โจ้ ยังยืนยันว่าไม่เคยป่วย หรือต้องเข้ารับการรักษาอาการไบโพลาร์ และที่ตำรวจค้นห้องพักในคอนโดเจอยาคลายเครียดก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาคนเราเครียดกันได้ รวมถึงย้ำว่าการที่มีข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยการทรมาน เป็นสิทธิของพนักงานสอบสวน แต่ทางทนายก็จะสู้ในประเด็นว่า อาจจริงอยู่มีการนำถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ตายจนขาดอากาศหายใจ แต่น่าจะเป็นการพลั้งมือ ซึ่งประเด็นนี้ อดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาฆ่าแน่นอน ส่วนการยื่นขอประกันตัวอดีต ผกก.โจ้ ตอนนี้คงต้องชะลอไว้ก่อน เพราะคดีนี้สังคมให้ความสนใจ และมีผู้ต้องหารายอื่นที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมด้วย

ส่วนความคืบหน้าเรื่องรถหรูของอดีต ผกก.โจ้ นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร ยืนยันการตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี พบว่ามีรถยนต์ที่อดีต ผก.โจ้ จับกุมนำส่งกรมศุลกากร 368 คัน เช่น เบนซ์ บีเอ็ม เบลเล่ ปอร์เช่ เฟอรารี่ โดยรถทุกคันตรวจสอบแล้ว มีกล่องสมองกล หรือ กล่อง ECU ครบทุกคัน ไม่ปรากฏคันที่ถูกถอดออก เพื่อด้อยค่ารถให้ราคาถูกลงตามที่ปรากฏเป็นข่าว และรถที่อดีต ผกก.โจ้ไปจับมาถูกนำไปประมูลแล้ว 363 คัน เหลือตกค้างอีกแค่ 5 คัน ซึ่งตรวจสอบลึกลงไปไม่พบชื่อของอดีต ผกก.โจ้ มายื่นประมูล แต่จะมีนอมินี มาแทนหรือไม่ ตรวจสอบไม่ได้ สอดคล้องกับข้อมูลของ พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ ที่ยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยพบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว ตามที่มีกระแสข่าวว่าเป็นพฤติการณ์ของอดีต ผกก.โจ้ แต่ยอมรับว่า ในวงการรถมีการพูดถึงวิธีนี้อยู่บ้าง แต่ดีเอสไอไม่มีข้อมูล.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย