ไม่ได้ตั้งใจ! ย้อนฟังคำรับสารภาพ “ผู้กำกับโจ้”

กทม. 27 ส.ค. – ย้อนฟังคำรับสารภาพ “ผู้กำกับโจ้” หลังจากถูกควบคุมตัวมาดำเนินคดี โดยสาระสำคัญคือ เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะฆาตกรรมผู้ต้องหา ไม่ได้ต้องการรีดเงิน เพียงแค่หวังจะขยายผลหายาเสพติดที่ซุกซ่อนอยู่


เมื่อคืนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมสืบสวนแถลงข่าวการจับกุมพ.ต.อ.ฐิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังก่อเหตุใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิตและหลบหนีไป ก่อนเข้ามอบตัวที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี รวมถึงนำตัวมาสอบสวนเบื้องต้นที่กองบังคับการปราบปราม

ในการแถลงข่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ให้ “ผู้กำกับโจ้” โฟนอินเข้ามาเพื่อตอบคำถามสื่อมวลชน โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่าคำพูดของ “ผู้กำกับโจ้” จะถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล และ “ผู้กำกับโจ้” ยืนยันเต็มใจจะตอบคำถามสื่อ


ส่วนประเด็นเรื่องของการก่อเหตุเพื่อเรียกรับเงินนั้น “ผู้กำกับโจ้” สาบานว่าไม่ได้ต้องการรีดเงินจากผู้ตาย ส่วนที่ไม่ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงหลังเกิดเหตุเป็นเพราะลนลาน รวมถึงอ่อนประสบการณ์ โดยการซ้อมทรมานผู้ต้องหาที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำครั้งแรก และรู้สึกตกใจเมื่อเห็นผู้ต้องหาสลบไป จึงพยายามปั๊มหัวใจและนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังได้สอบถามกับแฟนสาวของผู้ต้องหา ซึ่งเธอเล่าว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเสพยาจำนวนมากในแต่ละวันและพักผ่อนน้อย ดังนั้นคาดว่าการเสพยาเกินขนาดส่งผลให้ผู้ต้องหารายดังกล่าวสลบไป

ผู้สื่อข่าวได้ซักถามถึงประเด็นการถอดกล้องวงจรปิดใน สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังเกิดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” บอกว่าได้สั่งให้ถอดกล้องวงจรปิดเพราะลนลาน

ส่วนเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับการเข้ามอบตัวของ “ผู้กำกับโจ้” พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก “ผู้กำกับโจ้” โดยทีแรก “ผู้กำกับโจ้” อ้างว่าอยากฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด แต่ตนเองแจ้งว่าถึงตายไปก็ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น และให้กลับมารับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำ “ผู้กำกับโจ้” จึงตัดสินใจขอมอบตัวและให้ไปรับที่ชลบุรี


ภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทั้ง “ผู้กำกับโจ้” และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา หรือ “รองต้อง” ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกจับกุมตัว ก็ได้เดินทางไปถึง สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบปากคำดำเนินคดีทันที โดย “ผู้กำกับโจ้” ได้เดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 01.30 น. ซึ่งยังสวมเสื้อสีเขียวเข้ม สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ที่ข้อมือมีผ้าสีขาวพันอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดหนุมานกองปราบ หิ้วปีกแขนทั้ง 2 ข้างเมื่อไปภายใน อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เพราะเหตุใดจึงมอบตัวและเพราะเหตุใดจึงคิดว่าตนเองบริสุทธิ์ “ผู้กำกับโจ้” ตอบว่า ตนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร และสิ่งที่พูดในช่วงที่แถลงข่าวเป็นความจริงทุกอย่าง จากนั้นจึงเข้าไปลงบันทึกจับกุมและสอบสวนเบื้องต้น

สำหรับการสอบปากคำที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สอบสวนด้วยตนเอง ท่ามกลางกำลังตำรวจหลายชุดที่วางกำลังอยู่เกือบ 30 นาย โดยรอบห้องกระจก หลังจากนั้นทั้ง “ผู้กำกับโจ้” และ “รองต้อง” ได้ถูกคุมตัวออกจาก สภ.เมืองนครสวรรค์ และขึ้นรถไปกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และเมื่อ “ผู้กำกับโจ้” ถูกคุมตัวไปยังอีกฝั่งได้ถูกถามว่าอยากบอกอะไรถึงคนที่ปล่อยคลิปหรือไม่ “ผู้กำกับโจ้” จึงบอกว่า อโหสิกรรม

เบื้องลึก “ผู้กำกับโจ้” ไม่ขอประกันตัว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยรายงานว่า หลังจากที่ “ผู้กำกับโจ้” ได้ถูกคุมตัวที่ชลบุรี พบว่าได้ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเป็นอย่างดี พร้อมแจ้งความประสงค์ต่อ ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวนว่า “จะไม่ขอประกันตัวเอง” รวมถึงได้แจ้งให้ญาติทราบว่า “ไม่ต้องมายื่นขอประกันตัว” ทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล เนื่องจากสำนึกในความผิดที่เกิดขึ้น และพร้อมยอมรับคำพิพากษา

มีรายงานเพิ่มเติมว่า “ผู้กำกับโจ้” สารภาพว่าได้โยนโทรศัพท์มือถือส่วนตัวทิ้งน้ำตั้งแต่วันที่มีคลิปปรากฏ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกตรวจจับสัญญาณจาก Base โทรศัพท์มือถือ จากนั้นหลบหนีโดยไม่นำอุปกรณ์สื่อสารใดๆ ติดตัวไป

ทั้งนี้ มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเส้นทางหลบหนีของ “ผู้กำกับโจ้” โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ที่เจ้าหน้าที่ตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามถนน จากนั้นได้พบรถยนต์มินิคูเปอร์ สีทึบ (ออกสีน้ำตาล) ซึ่งพบเห็นจากถนนกาญจนาภิเษก ก่อนเลี้ยวไปยังถนนศรีนครินทร์ และมุ่งหน้าถนนมอเตอร์เวย์ ก่อนไปถึงชลบุรี

ส่วนข้อสังเกตกรณี “ผู้กำกับโจ้” ร่างกายซูบผอมผิดหูผิดตาจากคนที่เคยพบเห็น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากหลังเกิดเหตุในวันที่ 5 สิงหาคม “ผู้กำกับโจ้” มีความไม่สบายใจ รับประทานอาหารได้น้อยลงเรื่อยๆ และนอนไม่ค่อยหลับในช่วงที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับการได้ตัว “ผู้กำกับโจ้” และ “รองต้อง” ทำให้คดีนี้ตำรวจได้ผู้ต้องหาตามหมายจับครบทั้งหมด 7 คน ซึ่งทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา 3 กระทง ทั้งละเว้นปฏิบัติหน้าที่, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยการกระทำทารุณโหดร้าย ซึ่งโทษสูงสุด คือประหารชีวิต. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]

ล่า 18 วัน รวบแล้วมือยิง “กำนันเล้น”

ตรัง 21 ส.ค.- เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มกำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตคารถ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้แล้ว หลังหนีกบดานนานถึง 18 วัน พร้อมเตรียมสอบสวนหามูลเหตุจูงใจ ติดตามจากรายงาน -สำนักข่าวไทย

เสริมเขี้ยวเล็บ! ทัพเรือรับมอบปืนใหญ่ ระยะยิง 40 กม.

ชลบุรี 21 ส.ค.- กองทัพเรือเสริมเขี้ยวเล็บ! รับมอบปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ระยะยิง 40 กม. เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศ วันนี้ 21 ส.ค.68 ที่หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ) รับมอบปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือและประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาปืนใหญ่ฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ กำลังพล เข้าร่วมในพิธี  การดำเนินโครงการจัดหาปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ล้อยาง (ATMG) นับเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของ ทร. เพื่อให้ […]

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]