กทม. 17 ส.ค.- ตำรวจ พฐ.เตรียมจำลองเหตุยิงใน สน.ดินแดง จนมีผู้บาดเจ็บ 3 คน ยืนยันตำรวจไม่ใช้กระสุนจริง แต่ยอมรับในพื้นที่มีกระสุนจริงจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย
พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยกรณีการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า เมื่อวานที่ผ่านมา(16 ส.ค.) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเคลื่อนที่ไปยังทำเนียบรัฐบาล แล้วกลับมาที่สามเหลี่ยมดินแดง และมีเหตุประทะกันรวมทั้งป้อมจราจรได้รับความเสียหาย 4 แห่ง คือในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง, พหลโยธิน, สุทธิสาร และห้วยขวาง โดยสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 13 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 5 คน
นอกจากนั้นยังมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นบริเวณ สน.ดินแดง จนมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 คน คนแรกอายุ 14 ปี ถูกยิงที่ไหล่ขวา คนที่สองอายุ 20 ปี มีวัตถุเป็นโลหะค้างที่บริเวณลำคอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาลราชวิถี อีกหนึ่งคน ถูกโลหะเข้าที่บริเวณเท้า รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรเวช โดยแพทย์ให้กลับบ้านแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน
พลตำรวจโทภัคพงศ์ ยืนยันว่า ชายอายุ 14 ปีที่ถูกยิงบริเวณไหล่ขวา ได้สอบสวนบิดาบาดเจ็บเบื้องต้นให้การว่า น่าจะถูกยิงบริเวณโรงบำบัดน้ำเสีย ห่างจาก สน.ดินแดงประมาณ 50 เมตร ส่วนชายอายุ 20 ปี ที่โลหะฝังอยู่ที่ลำคอ พบว่าวิ่งมาจากโรงแรมปริ้นซ์ตัน ผ่านหน้า สน.ดินแดง แล้วล้มลงบริเวณโรงบำบัดน้ำเสีย
กรณีมีภาพผู้ชายยืนอยู่บน สน.ดินแดง และใช้ปืนยิงควบคุมสถานการณ์ ยืนยันว่าเป็นตำรวจจริง แต่เป็นการใช้กระสุนยางยิงข่มขู่เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง โดยช่วงบ่ายวันนี้ (17 ส.ค.)ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปจำลองเหตุการณ์ และตรวจวิถีกระสุนระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด ยอมรับว่าในพื้นที่มีการใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ของตำรวจ
ส่วนยุทธวิธีการควบคุมฝูงชนนั้น ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามแผน และเครื่องมือได้รับการอนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่สามารถทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ผู้ชุมนุมมีอาวุธที่สร้างอันตรายกับตำรวจ และตำรวจจะเริ่มตอบโต้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ความรุนแรง มีการเผาทำลายสถานที่ราชการ และจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
กรณีมีการแชร์ข้อมูลที่ระบุว่า ผู้ชุมนุมถูกกระป๋องแก๊สน้ำตาเข้าที่ใบหน้าทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ขอยืนยันว่า ยังอยู่ระหว่างทำหนังสือขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยรายละเอียดการรักษาและบาดแผลว่าเกิดจากอะไร พร้อมกับนำกระป๋องแก๊สน้ำตามาแสดงต่อสื่อมวลชนว่า ส่วนที่เป็นโลหะเป็นปอกกระสุน เมื่อหลังยิงไปแล้วจะค้างอยู่ในลำกล้อง ส่วนที่ยิงออกไปคือวัสดุคล้ายยางทรงกระบอกที่ภายในบรรจุแก๊สน้ำตา เมื่อกระทบกับร่างกายจะไม่เกิดอันตราย หากพบว่ามีการแชร์ข้อมูลที่ผิดหรือบิดเบือนจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมช่วงเดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบัน มีจำนวน 40 คดี มีผู้เข้าข่ายกระทำความผิด 309 คน จับแล้ว 152 คน และอยู่ระหว่างสอบสวนผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย