บช.น. ขอโทษชาวบ้านได้รับผลกระทบสลายม็อบ

กทม. 16 ส.ค.-บช.น. แถลงสรุปภาพรวมม็อบ 15 ส.ค. พร้อมขอโทษชาวบ้านได้รับผลกระทบ ยัน ตร.ทำเพื่อควบคุมสถานการณ์-ไม่มีเจตนาสร้างความเดือดร้อน เตือนม็อบวันนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เวลา 11.30 น. วันที่ 16 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆทางการเมือง เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา


พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตามที่มีการประกาศเชิญชวนนัดหมายชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า ในวันนี้ เวลา 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นจะรวมตัวกันที่เกาะพญาไท แล้วเคลื่อนขบวนไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าถนนวิภาวดี เพื่อไปยังจุดหมาย คือ บ้านพักของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งอยู่ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ทาง บช.น. ขอเตือนว่า กทม.เป็นพื้นที่ประกาศควบคุมสุงสุด การรวมตัวชุมนุมการจัดกิจกรรมเกิน 5 คน มิอาจทำได้ ถือว่าผิดกฎหมายเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ได้เจรจากับตำรวจแล้วให้สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางอ่อนไหว ที่ใกล้เขตโรงพยาบาล ซึ่งอาจกระทบกับการรับส่งผู้ป่วย รวมถึงยังใกล้หน่วยทหาร ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง จึงขอให้ผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงการชุมนุมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งการสกัดกั้นหรือวางแนวป้องกัน ตำรวจจะพิจารณาตามการข่าวและสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น


ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มุ่งสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทุกเส้นทาง ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ทั้งถนนพญาไท พหลโยธิน อโศก-ดินแดง ราชวิถี วิภาวดีรังสิต ราชปรารถ ซอยพหลโยธิน 2 ทางลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางลงด่วนวิภาวดีรังสิต และอุโมงค์ข้ามแยกใต้ด่วนดินแดง ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมมีการทำลายป้อมจราจร ทำให้เมื่อเลิกการชุมนุมแล้ว ตำรวจจราจร ไม่สามารถเข้าอำนวยความสะดวกด้านการจราจรได้ ส่งผลให้เกิดการจราจรหลายเส้นทาง โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า จากการเผชิญหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 17 ราย จากสะเก็ดของพลุ ปะทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ลูกแก้ว ลูกหิน ของทางกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้เข้าปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ตรวจรักษากลับบ้านได้แล้ว 3 ราย ที่เหลือยังคงรับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ 14 ราย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมพบรถที่เป็นทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหาย 18 คัน ป้อมสัญญาณไฟจราจรเสียหาย 1 ป้อม ทั้งนี้ จากการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา บช.น. ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องการชุมนุมในช่วงเดือน ก.ค.2564 จำนวน 37 คดี มีผู้ต้องหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จำนวน 296 ราย จับกุมดำเนินคดีแล้ว 139 ราย

พล.ต.ต.ปิยะ​ กล่าวต่อไปว่า การเข้าปะทะกับทางกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าแฟลตดินแดง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากช่วงนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกมาทำกิจกรรมกันบ่อยครั้ง บช.น. ต้องขอโทษประชาชนชาวแฟลตดินแดง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมและการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และขอยืนยันว่าการทำงานของตำรวจเป็นการกระทำเพื่อต้องการควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน


ส่วนกรณีมีการระบุว่า มีชาวบ้านแฟลตดินแดง ถูกตำรวจควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางขึ้นมาที่หน้าห้องพักชั้น 3 ทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่วมชุมนุม พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากภาพที่มีการแชร์กัน ยอมรับว่าปลอกกระสุนคือกระสุนยางจริง แต่หัวกระสุนที่นำมาโพสต์ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะหัวกระสุนยางจะมีลักษณะสีดำ และเจ้าหน้าที่ไม่มีความจำเป็นต้องยิงขึ้นไปหาผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนคลิปที่มีการบันทึกว่ามีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนพูดว่ายิงขึ้นไปเลย จะมีการตรวจสอบคลิปดังกล่าวอีกครั้ง แต่เบื้องต้นอาจจะเป็นการยิงขึ้นไปยังจุดอื่น เช่นสะพานลอย หรือจุดที่มีผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย

รอง ผบช.น. กล่าวด้วยว่า สำหรับสีปลอกของกระสุนอาจจะพบว่ามีหลายสี เพราะมาจากการจัดซื้อหลายล็อต ขณะที่การใช้แก๊สน้ำตาควบคุมสถานการณ์ ตนยืนยันว่าจะมีการใช้แก๊สน้ำตาแค่แยกดินแดงเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบไปยังประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ชุมนุมใช้ชาวบ้านเป็นที่กำบัง ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้กำชับว่า เราจะไม่ขึ้นไปบุกจับ และจะเลี่ยงยิงแก๊สน้ำตา เพื่อให้ผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด​

ส่วนกรณีมีภาพปรากฏตามสื่อออนไลน์ว่า มีชายสูงอายุนอนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเดินผ่านโดยไม่ช่วยเหลือนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ในทุกพื้นที่ที่มีการบังคับใช้กฎหมาย หากพบคนเจ็บจะมีการประสานหน่วยแพทย์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือพร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าออกพื้นที่อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

บินโดรนกระชับพื้นที่ไล่ล่าผู้ต้องหาฆ่ายัดถัง

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – คดีฆ่ายัดถังที่นครสวรรค์ เช้านี้ตำรวจใช้โดรนบินไล่ล่าผู้ต้องหา รวมถึงจัดชุดเดินเท้ากระชับพื้นที่ หลังปิดล้อมข้ามคืนแต่ยังไร้วี่แวว กรณีพบศพนายจุฑาเพชร หรือ อ้วน ชาวอยุธยา ถูกฆ่ายัดถังพลาสติก 200 ลิตร โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยสภาพศพอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ สวมกางเกงขายาวคล้ายกางเกงวอร์มสีดำ เสื้อยืดแขนยาวสีเขียว ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่อกซ้าย กระสุนฝังกระจายทั่วอก ศีรษะมีรอยยุบ ส่วนตามตัวผู้ตายมีรอยสักหลายแบบ ทั้งพระนารายณ์แผลงศร พระนารายณ์สี่กร ยันต์เก้ายอด ยันต์มหาอุด และพ่อปู่ฤาษีนารอด เสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.ตะคร้อ ได้นำหลักฐานขอศาลนครสวรรค์ ออกหมายจับนายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เนื่องจากมีหลักฐานว่า เป็นคนใช้ปืนยิงเหยื่อเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองมะค่า อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ก่อนนำศพใส่รถกระบะมาทิ้งอำพรางที่อ่างเก็บน้ำตะคร้อ นครสวรรค์ […]

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวศาลระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]