fbpx

ตรึงกำลังตรวจเข้มเคอร์ฟิวทั่วกรุง

กรุงเทพฯ 13 ก.ค. – ตำรวจตรึงกำลังตรวจเข้มทั่วกรุงเทพฯ ในคืนแรกของการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน ช่วงเวลา 21.00-04.00 น.


เมื่อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นคืนแรกที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ในพื้นที่ 10 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา

โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเวลา 21.35 น. วานนี้ (12 ก.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติงานตั้งด่านตรวจสอบการห้ามเดินทางออกจากเคหสถาน บริเวณถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก หน้า สน.พหลโยธิน ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ทั้งตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตจตุจักร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข


สำหรับการตั้งด่านฯ จะมีชุดโบกรถ จากนั้นจะเข้าสู่ช่องจอดรถ และประชาชนทุกคนจะต้องลงจากรถ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถ และยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และรับการซักถามเพื่อบันทึกข้อมูลว่ามาจากที่ใด และมีภารกิจจะไปที่ใด โดยทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคในการวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย โดยพบว่ามีประชาชนที่เพิ่งเลิกงาน ทำงานเกี่ยวกับการขนส่ง ทำงานเป็นกะ ก็จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น และพบว่ามีประชาชนบางส่วนที่อยู่ระหว่างเลิกงานและเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกเป็นข้อมูลไว้ตามขั้นตอน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุว่า วันแรกยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยังปรับตัวในการออกจากบ้านเกินเวลา ซึ่งในระยะแรก ช่วงไม่เกิน 22.00 น. จะเน้นการตักเตือนก่อน โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บประวัติข้อมูลไว้ หากมีการทำผิดซ้ำๆ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ฝากแจ้งประชาชนว่าจะต้องทำความเข้าใจกับประกาศเรื่องการกำหนดเวลาห้ามออกจากบ้าน และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตามที่รัฐบาลประกาศ คือ ห้ามออกจากบ้าน ช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ส่วนประชาชนที่มีภารกิจจำเป็นต้องออกจากบ้าน ก็จะต้องมีเอกสารติดตัวมาแสดงกับเจ้าหน้าที่

ส่วนกรณีจะดำเนินคดีกับประชาชนที่มีพฤติกรรมลักษณะใดนั้น ก็จะต้องดูการออกจากบ้าน ถ้าออกจากบ้านต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆ ซึ่งข้อกำหนดมีกรณีให้ผ่อนผันอยู่แล้ว แต่หากออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุจำเป็นและไม่สมควร หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย ก็จำเป็นจะต้องดำเนินคดี


สำหรับบรรยากาศเมื่อคืนที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพฯ เงียบเหงา ไร้รถ ไร้ผู้คน ราวกับเมืองร้าง เป็นภาพที่เราได้กลับมาเห็นอีกครั้ง หลังจากที่เคยมีการเคอร์ฟิว เมื่อต้นปีที่แล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร