26 มิ.ย. – ทนายคลายทุกข์ ยกอุทาหรณ์คดี 4 แม่เฒ่าสุโขทัย ผิดนัดชำระหนี้ จนที่ดินถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด แนะต้องเร่งเจรจาก่อนโดนยึดทรัพย์
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายคลายทุกข์” กล่าวถึงคดีนี้ว่า เท่าที่ทราบ คดีนี้การเจรจาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ มีความต้องการคืนหนี้ในวงเงินต่างกัน ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเป็นอุทาหรณ์ที่ต้องทราบว่า ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระ ต้องพยายามเจรจาให้ได้ข้อยุติ เพราะการเจรจาก็เป็นหัวใจของการปรับโครงสร้างหนี้ แต่หากเจรจาไม่สำเร็จ เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล ก็ต้องขอเจรจาในชั้นศาล ให้ศาลเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย อย่าขาดนัดหมายไม่ไปศาลเด็ดขาด เพราะการเจรจาในชั้นศาล ก็จะช่วยให้สามารถต่อรองเรื่องเงินต้น ดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระได้พอสมควร เพราะหากปล่อยให้คดีผ่านไปถึงขั้นการขายทอดตลาดไปแล้ว ก็ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ ขึ้นอยู่ความสมัครใจของเจ้าหนี้ว่าจะขายคืนหรือไม่ ในราคาเท่าไหร่
ปัจจุบันยังมีประชาชนจำนวนมากขาดความรู้ทางข้อกฎหมายและเป็นหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เงินกู้ หรือหนี้นอกระบบต่างๆ ภาครัฐจำเป็นต้องทำงานเชิงรุก ทั้งในส่วนกลาง ระดับจังหวัด เช่น ยุติธรรมจังหวัด ต้องเข้าไปให้คำปรึกษา ให้ความรู้ เพื่อไม่ให้เกิดคดีในลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยปัจจุบันจากการทำงานร่วมกับสถาบันการเงิน ไฟแนนซ์ ตัวเลขหนี้ที่ผิดนัดชำระมีสูงขึ้นต่อเนื่อง
ย้อนดูที่มาของคดี ก่อนที่คุณยาย 4 พี่น้องชาวสุโขทัย จะถูกเจ้าหนี้กู้ยืมเงินฟ้องร้อง จนกระบวนการผ่านถึงชั้นบังคับคดี กระทั่งที่ดินและบ้านถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัย
เริ่มจากเมื่อปี 2542 หรือ 22 ปีก่อน หลานชายของยายโปรย ขอนำโฉนดที่ดิน 4 แปลง แบ่งเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวม 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมบ้านของคุณยายอีก 3 งาน 97 ตารางวา ไปจำนองกับนายทุน เพื่อขอกู้เงินไปทำงานที่ไต้หวัน 2 รอบ รวมเงินเกือบ 500,000 บาท
ช่วงแรกๆ ยังผ่อนได้ แต่ไปไต้หวันครั้งที่ 2 ถูกโกงจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ สุดท้ายปี 2555 ถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้อง จนคดีสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์เมื่อปี 2561 และเริ่มถูกบังคับคดีให้ชำระหนี้เมื่อปี 2562 โดยที่ดิน 3 แปลง รวม 10 ไร่ ถูกขายทอดตลาด เจ้าหนี้รายเดิมเข้าไปซื้อไว้ในราคา 980,500 บาท และมีส่วนต่างเงินคืนให้ลูกหนี้ จำนวน 365,000 บาท . – สำนักข่าวไทย