ผบ.ตร. สั่งการตำรวจสนับสนุน ศปม. ควบคุมแคมป์แรงงาน

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย.-ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจพร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและสนับสนุนภารกิจ ศปม. ควบคุม ตรวจสอบแคมป์แรงงาน พื้นที่ กทม. ปริมณฑล และ จว.ชายแดนใต้ ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีตามที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้มีการประชุมในวันนี้ (26 มิ.ย.64) และสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติในการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานแคมป์คนงาน ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นั้นว่า

ด้วยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา รัฐบาล และ ศบค. ได้มีมติที่ประชุมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 โดยเน้นย้ำฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด ปิดแคมป์แรงงานก่อสร้าง เฝ้าระวังจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม สถานที่แออัด นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว และได้กำชับการปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสอย่างจริงจัง


ต่อมาในวันนี้ (26 มิ.ย.64) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้สั่งการหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในพื้นที่ กทม. ให้ควบคุมหรือปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ไซต์งานก่อสร้าง โดยมีประสานการปฏิบัติระหว่าง กทม. หน่วยงานทหาร และ บช.น. ส่วนพื้นที่ปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม และ ปทุมธานี ซึ่งจะกำหนดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม โดย ศบค. ให้ควบคุมหรือปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ไซต์งานก่อสร้าง ประสานการปฏิบัติระหว่าง จว. ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทหาร และ ตำรวจภูธร จว. และในพื้นที่ จว.ชายแดนใต้ ให้ควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชนในพื้นที่ประสานการปฏิบัติระหว่าง จว.พื้นที่กับ หน่วยงานทหาร และตำรวจภูธร จว.

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับสั่งการ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปขับเคลื่อนอย่างจริงจังตามนโยบายรัฐบาล และ ศปม. กำชับหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ทุกพื้นที่ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานในพื้นที่ ทหาร สาธารณะสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนกำลัง เมื่อมีการร้องขอ เพิ่มมาตรการในการควบคุมโรค Covid-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด ร่วมตรวจสอบหรือปิดแคมป์คนงานในพื้นที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มพื้นที่ตามเส้นทางระหว่างแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน ตรวจสอบและควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่างๆ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังคงกำชับให้ ตํารวจภูธรภาค 1-9, กองบัญชาการตํารวจนครบาล, สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยสาธารณสุขและหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ มีมาตรการเข้มในการกวดขันจับกุมการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ การนำพา การให้ความช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมขยายผลดำเนินคดีถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ตามพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศโดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ พร้อมตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นเส้นทางเพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาสู่พื้นที่ชั้นใน ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เมื่อได้รับการร้องขอ ออกตรวจสอบ ควบคุมการย้ายแรงงานข้ามจังหวัด แคมป์แรงงานก่อสร้าง สถานประกอบการ สถานบันเทิง แหล่งมั่วสุมที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัส หากมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง มายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง