เปิดไทม์ไลน์อดีตทหารเกณฑ์ยิงดับ 2 ศพ

24 มิ.ย. – เปิดไทม์ไลน์อดีตทหารเกณฑ์บุกยิงต่อเนื่อง จากกรุงเทพฯ ไป จ.ปทุมธานี จนมีผู้เสียชีวิต 2 คน ก่อนหลบหนีไปกบดานที่ จ.ระนอง กระทั่งถูกจับกุมตัว


เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 22.30 น. นายกวินที่ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้าไปซื้อเบียร์ที่ร้าน 7-11 ในซอยลาดพร้าว 25 จำนวน 3 ขวด แล้วทำขวดเบียร์ตกแตก 1 ขวด แต่จะจ่ายเงินเฉพาะขวดที่ซื้อ นายรัฐวิทย์ พนักงานชาย ซึ่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ ขอให้ชำระเงินขวดที่ทำแตกด้วย แต่นายกวินไม่ยอม ทำให้มีปากเสียงกัน พนักงานอีกคนเข้ามาช่วยพูด สุดท้ายยอมให้จ่ายเฉพาะขวดที่ซื้อ

เวลา 02.30 น. คนร้ายย้อนกลับมาที่เซเว่นฯ ถามหาพนักงานที่ทะเลาะกัน ก่อนใช้ปืนขนาด .38 ยิงพนักงานคนดังกล่าว 3 นัด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


เวลา 03.30 น. นายกวินใส่ชุดทหารลายพราง บุกไปที่โรงพยาบาลสนามภายในสถาบันธัญญษรักษ์ อ.ธัญบุรี และจ่อยิงนายสุขสันต์ อายุ 54 ปี ผู้ป่วยโควิด จำนวน 4 นัด เสียชีวิต ก่อนขับกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์สีขาว ทะเบียน 3ฒข6233 หลบหนี

เวลา 06.00 น. นายกวินแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันซัสโก้ ริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ 2 ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เต็มถัง 1,800 บาท ก่อนชักปืนขู่พนักงานปั๊ม บอกว่าเพิ่งยิงคนตาย 2 ศพ ไม่มีเงินจ่าย พนักงานงานในปั๊มวิ่งหนีแตกกระเจิง ส่วนนายกวินขับรถหลบหนีไป ขณะที่โซเชียลวิพากษ์วิจารณ์เส้นทางคนร้ายขับหลบหนีถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ ต.คลองวาฬ ผ่านด่านมั่นคง 24 ชั่งโมง ถึงเขตรอยต่อ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร แต่ไม่มีการสกัดจับคนร้ายแต่อย่างใด

เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วม 60 นาย ปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งใน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง หลังพบรถนายกวิน จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านญาติของนายกวิน ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด


หลังปิดล้อมกดดันนานเกือบ 3 ชั่วโมง สุดท้ายนายกวินยอมมอบตัวในเวลา 12.50 น. ก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถตู้ออกไป จากการตรวจสอบภายในบ้านพักพบอาวุธปืน 2 กระบอก ขณะที่นางชม้าย แสงนิลกุล ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่า อายุ 95 ปี และเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน และคนในบ้านรวม 3 คน ปลอดภัยดี พบรอยกระสุนปืน 2 นัด ที่หน้าต่างบ้าน

ขณะที่พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินด่วนไป จ.ระนอง เพื่อรับตัวนายกวินขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับมาสอบปากคำต่อที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่ามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุยิงกราดในโรงพยาบาลสนามที่ปทุมธานี เป็นเพราะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นสถานบำบัดยาเสพติด

ส่วนกรณีก่อเหตุภายในร้านสะดวกซื้อ เกิดจากการทะเลาะวิวาทกันก่อนหน้า กับพนักงานกรณีทำขวดเบียร์แตก อย่างไรก็ตาม การสอบสวนเบื้องต้นยังไม่สามารถรับฟังได้ทั้งหมด และจะมีการสอบปากคำเพื่อขยายผลการลงมือก่อเหตุเพิ่มเติมอีกครั้งทันทีที่ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวถึงกรุงเทพฯ

ก่อนนายกวินจะถูกจับกุม พบว่าช่วงเช้าผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบนางสาวมณีรัตน์ เจ้าของร้านขายของชำที่นายกวินได้เข้าไปช่วงเช้า นางสาวมณีรัตน์ เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าตอนที่ร้านเปิดก็มีรถกระบะของนายกวินมาจอดรถหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่งใน จ.ระนอง ไปข่มขู่ขอเบียร์และบุหรี่ ขอบุหรี่ 2 ซอง และบอกว่าตนขอนะ ตนเองไม่มีเงิน ตนจึงดึงซองบุหรี่กลับ นายกวินบอกว่าขอนะ ตนคือคนร้ายในข่าวที่ยิงคนตายมาแล้ว 2 ศพ ตนไม่อยากจะทำใครอีกแล้ว จยจะไปบ้านย่าที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ ก่อนออกจากร้าน หยิบเบียร์ไปอีก 2 ขวด แล้วตะโกนบอกว่าขอนะ ตนจึงบอกว่าเอาไปเลย อยากได้อะไรก็เอาไปได้เลยยกให้

ส่วนความคืบหน้าที่ จ.ปทุมธานี ซนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจตรีชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจตรีหญิงชุติมา ชัยมุกสิก ผบก.สพฐ. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุโรงพยาบาลสนามภายในสถาบันธัญญารักษ์ อ.ธัญบุรี โดยผู้ว่ฯ ปทุมธานี บอกว่าการรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ปกติมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ดูแลรัดกุมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเสริมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กอ.รมน. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์

ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ระบุว่าการสืบสวนยังไม่ยืนยันสาเหตุ แต่ยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุกับผู้เสียชีวิตทั้งสองคดีไม่น่าจะรู้จักกันมาก่อน และไม่ได้เป็นญาติกัน คิดว่าคนร้ายมีความเครียดส่วนตัว

ขณะที่นางสาวร่มเย็น บุญสืบ อายุ 47 ปี ภรรยาของผู้ป่วยโควิดที่ถูกยิงเสียชีวิต เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ บอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุ แต่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสนาม ว่ามีคนร้ายเข้าไปยิงสามี ขณะเดินออกจากห้องน้ำในช่วงเวลา 03.00 น. เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระหว่างการรักษาตัว ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ซึ่งไปรักษามาด้วยกัน แต่ตนรักษาหายแล้วจึงกลับบ้านก่อน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ เพราะอยู่ในสถานที่ราชการ และมี รปภ. คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา

ขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลในโรงพยาบาลสนาม เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ พร้อมเผยว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาภายในอาคารสถาบันบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดเเห่งชาติบรมราชชนนี สอบถามพนักงาน รปภ. ว่าตึกราชวิถีอยู่ที่ไหน เมื่อ รปภ. บอกว่าให้ไปอีกตึกหนึ่ง ผู้ก่อเหตุก่อเดินไป แต่ประตูปิดอยู่ จึงชักปืนขึ้นมายิงจนบานกระจกประตูแตก จากนั้นไปพบกับผู้ป่วยโควิด-19 หน้าห้องน้ำ ก่อนก่อเหตุยิงจนเสียชีวิต รปภ. และพยาบาล เมื่อได้ยินเสียงปืนต่างพากันหลบกระสุน หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็เดินออกไป

ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายอธิวัฒณ์ อายุ 74 ปี พ่อ และญาติ เดินทางมาเพื่อติดต่อรับศพนายรัฐวิทย์ อายุ 32 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อที่ถูกนายกวินยิงเสียชีวิต ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอวัยวะภายในบาดเจ็บจากกระสุนปืน โดยญาติไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ เพียงแต่บอกว่านายรัฐวิทย์เป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร เป็นการสูญเสียอย่างกะทันหัน จึงยังทำใจไม่ได้ ขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้าย สำหรับศพของนายรัฐวิทย์ ญาติได้นำไปตั้งบำเพญกุศลที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

นายกิตติ อายุ 61 ปี พ่อของนายกวิน ให้ปากคำกับตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ว่าตนคุยกับลูกชายตลอดเวลา คาดว่าลูกชายเกิดความเครียดส่วนตัว และเคยเป็นทหารเกณฑ์ที่หน่วยรบพิเศษป่าหวาย จ.ลพบุรี เคยฝึกคอบร้าโกลด์เมื่อครั้งเป็นทหารเกณฑ์ จึงชำนาญการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่กำลังพลของกองทัพบก แต่เคยเป็นอดีตทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2562

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นอดีตทหารอาสาที่ถูกปลดประจำการตั้งแต่ปี 2562 และมีปัญหาด้านสุขภาพจิต หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปที่บ้านพักหลังหนึ่งใน จ.ระนอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม