กทม.-18 มิ.ย.- ทนายนิด้านำผู้เสียหาย 10 คนที่ถูกผู้ทรงคุณวุฒิการศึกษาในพื้นที่สายไหม ล่วงละเมิดทางเพศเข้าแจ้งความ ขณะที่ยังมีเหยื่ออีกหลายรายไม่กล้าเข้าแจ้งความเพราะกลัวอิทธิพลและถูกข่มขู่
ความคืบหน้ากรณีมีเจ้าของชมรมจิตอาสาพัฒนาบุคลิกภาพเยาวชนย่านสายไหม ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดเด็กนักเรียนในชมรม 40-50 คน ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวดังในสื่อออนไลน์ โดยบ่ายวันนี้(18 มิ.ย.) นางศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า เตรียมนำผู้เสียหายกว่า 10 คน ที่ถูกชายดังกล่าว กระทำอนาจารลวมลามทางเพศ ในค่ายอาสาที่ผู้ก่อเหตุจัดขึ้น และที่สำนักงานของเครือข่ายจิตอาสา ย่านถนนพหลโยธิน
ทนายนิด้า เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายถูกกระทำอนาจารจำนวน 40 – 50 คน แต่มีผู้เสียหายที่พร้อมจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุมีเพียง 20 คน เนื่องจากผู้เสียหายบางคนยังไม่พร้อมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจรวมถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้วและเกรงว่าหากบุคคลรอบข้างในปัจจุบันทราบว่าเคยถูกกระทำอนาจารจะรับไม่ได้และเกิดปัญหาทางครอบครัวและการงานได้จึงขอใช้เวลาในการตัดสินใจและปรึกษากับบุคคลใกล้ชิดก่อน
ทั้งนี้จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายจำนวน 20 คนพบว่าทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันสอดคล้องกันว่าผู้ก่อเหตุได้ลงมือกระทำอนาจารกับผู้เสียหายจริงและมีลักษณะพฤติกรรมการที่เหมือนกัน คือจะเลือกช่วงเวลาขณะทำกิจกรรมภายในค่ายอาสาที่ผู้ก่อเหตุจัดกิจกรรมขึ้น และภายในสำนักงานของเครือข่ายดังกล่าว และจะข่มขู่ไม่ให้แจ้งผู้ปกครองหรือตำรวจ เพราะจะมีผลต่อการเรียนในอนาคตโดยอ้างว่าเป็นผู้กว้างขวางในแวดวงการศึกษาทำให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กในขณะนั้นเกิดความหวาดกลัวและเก็บงำเรื่องราวเอาไว้ กระทั่งเกิดกระแสในทวิตเตอร์จึงตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหว ทั้งนี้จากการสอบข้อเท็จจริงเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นความจริงเพราะผู้เสียหายทั้งหมดให้การสอดคล้องกันแม้ระยะเวลาจะผ่านมาเป็นเวลานานและช่วงเวลาการเกิดเหตุของผู้เสียหายแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่ได้รู้จักกันหรือเรียนภายในโรงเรียนหรือสถานศึกษาเดียวกัน
ส่วนเรื่องพยานหลักฐานขณะนี้พบว่ามีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์และข้อมูลปากคำของผู้เสียหายรวมแล้วมากกว่า 20 ปาก และมีพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งเปิดเผยให้เห็นถึงการพูดคุยเจรจาตกลงชักชวนข่มขู่และเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายยอมให้ทำอนาจาร หรือไม่ให้ไปแจ้งผู้ปกครองและตำรวจ ถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่หนักแน่น ซึ่งมั่นใจว่าหากดำเนินการไปถึงในชั้นสอบสวนหรือในชั้นศาลจะสามารถใช้ในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นอะไรเพราะจะมีผลต่อรูปคดี และถึงแม้คดีดังกล่าวผู้เสียหายจะถูกล่วงละเมิดมาเป็นระยะเวลานานแล้วแต่เชื่อว่าพยานหลักฐานต่างๆยังไม่เสียหายผลกระทบต่อรูปคดี
ด้านพันตำรวจเอกอำนาจ กาหลง ผู้กำกับการ สน.สายไหม เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 20 คนแล้ว โดยจะสอบปากคำตั้งแต่ช่วงเวลาการเกิดเหตุ พฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุ ทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ จากนั้นจะนำคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมดรวมถึงพยานหลักฐานที่นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนส่งต่อให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ และหากพบว่ามีข้อเท็จจริงที่อาจเป็นไปได้จะออกหมายเรียกให้ผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมรวมถึงอาจจะต้องมีการเรียกเจ้าหน้าที่ในเครือข่ายองค์กรอาสาดังกล่าวมาสอบปากคำด้วย
ด้าน นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.สายไหม ในฐานะที่เป็นผู้เปิดโปงการกระทำของบุคคลดังกล่าวเปิดเผยว่า นอกจากผู้เสียหายที่จะเข้าแจ้งความในวันนี้แล้วตนทราบมาว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความดำเนินคดีเนื่องจากกลัวอิทธิพลและถูกข่มขู่ ซึ่งตนเองพร้อมที่จะประสานและให้ความช่วยเหลือขอให้ผู้ที่ถูกกระทำไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพื่อที่จะกระชากหน้ากากคนไม่ดีถ้าหากปล่อยไว้อาจจะเป็นเหมือนหมาป่าที่อยู่ในฝูงแกะและพร้อมที่จะทำร้ายเหยื่อได้ตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย