รุ่นพี่โหดรับน้องเสียชีวิต โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.-รอง ผบช.น. เผยรุ่นพี่โหดรับน้องเสียชีวิต โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ยันไม่หนักใจ แม้ในที่เกิดเหตุอาจไม่มีกล้องวงจรปิด แต่มีพยานเห็นเหตุการณ์ เชื่อหลักฐานเพียงพอขอศาลออกหมายจับ 12 คน


พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางไปติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ “น้องปลื้ม” อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ ชุดสืบสวนได้ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยลงพื้นที่เกิดเหตุ และประชุมหารือกันแล้ว เชื่อว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุรวม 12 คน หลักฐานสำคัญคือรถยนต์ที่รุ่นพี่ใช้ ภาพจากกล้องวงจรปิด และคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ รวมถึงสภาพแวดล้อมจากจุดเกิดเหตุ ตอนนี้เหลือเพียงสอบปากคำพยานอีกบางส่วนเพื่อมาประกอบสำนวน โดยต้องพิจารณาว่า ใครมีหน้าที่ มีบทบาทอย่างไร ใครเป็นผู้สั่งการ ใครเป็นผู้ลงมือกระทำ โดยพฤติการณ์เบื้องต้นพบว่า มีรุ่นพี่ ปี 3 ขึ้นไป เรียกรุ่นน้องปี 1 ที่จะขึ้นปี 2 มาประชุม เพื่อเตรียมการรับน้องที่จะเข้าปี 1 และได้ลงโทษให้รุ่นน้องนั่งเรียงกันและรุ่นพี่หมุนเวียนใช้เท้าเตะ ซึ่งมีรุ่นพี่ผู้หญิงอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าลงมือกระทำหรือไม่ ส่วนการแจ้งข้อหาจะแบ่งเป็นคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และหากรุ่นพี่คนใดที่มีพยานหลักฐานว่าเป็นผู้กระทำ ก็จะถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตเพิ่มเติมด้วย

ต่อมา พลตำรวจตรีปิยะ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คดีนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการทยอยเรียกสอบปากคำพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการแยกเป็นกลุ่มๆ เบื้องต้นพบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้นายวีรพัฒน์ เสียชีวิต แบ่งเป็นกลุ่มคนที่เข้าไปรุมทำร้ายประมาณ 6-7 คน และผู้สั่งการ ทั้งหมดเป็นรุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะข้อความสนทนาทางไลน์ เพื่อระบุตัวผู้กระทำความผิดให้ชัดเจน ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยเจตนา ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมกันนี้ยืนยันว่าไม่หนักใจเรื่องการพิสูจน์ความผิด แม้ว่าในที่เกิดเหตุอาจไม่มีกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ แต่ก็มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์กว่า 30-40 คน ที่สามารถชี้ตัวได้ว่าใครทำอะไรในเหตุการณ์ดังกล่าว


ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรชัย อัจฉริยเมธากร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย เปิดเผยว่าทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นักศึกษาใช้สถานที่ทำกิจกรรมใดๆ ตามประกาศในช่วงสถานการณ์โควิด แต่เป็นกลุ่มนักศึกษาจำนวน 30-40 คน แอบเข้ามาทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยปละละเลยหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่านักศึกษาได้นำรถส่วนตัวเข้ามาในมหาวิทยาลัยได้อย่างไรด้วย

ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ก่อเหตุจะสรุปและทำเรื่องถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัย ให้พิจารณาลงโทษ ซึ่งอาจถึงขั้นไล่ออก คาดว่าจะทราบผลใน 1-2 วันนี้ พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายให้ทำกิจกรรมรับน้องในช่วงนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิดและให้เรียนออนไลน์เป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จนท.รุดช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องขังลูกติดยา

หลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องลูกกรง เตรียมขังลูกชายตกเป็นทาสยาเสพติด-พนันออนไลน์ บำบัดนับสิบครั้งไม่หาย พร้อมทำความเข้าใจผิดกฎหมายหน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะที่ รมว.ยุติธรรม เตรียมพิจารณาออกมาตรการบำบัดซ้ำโดยคำสั่งศาล

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต